ปิดฉาก "แรมโบ้อีสาน"สาบานหน้าย่าโมเลิกเล่นการเมือง

สุภรณ์ อัตถาวงศ์  ควง แม่ ไหว้ย่าโม สาบานเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต ย้ำไม่ติดต่อ"ทักษิณ" นานแล้ว

เวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ค. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช. และอดีตประธาน อพปช. ได้เดินทางมาที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อกราบสักการะ และกล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะเลิกเล่นการเมือง เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตลอดชีวิต โดยมีนางสุ้น อัตถาวงศ์ มารดาร่วมให้กำลังใจ

ภายหลังจากทำการกราบสักการะ และปิดทองรูปจำลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเสร็จแล้ว นายสุภรณ์  กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนได้ถูก คสช.ควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา และได้รับการปล่อยตัวเมื่อคืน (29 พ.ค. 57) ระหว่างการถูกควบคุมตัว ทหารก็ได้ดูแลตนเป็นอย่างดี รวมทั้งได้มีการทำความเข้าใจในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ว่าได้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างรุนแรง ซึ่งตนในฐานะเป็นนักการเมืองคนหนึ่ง ก็เข้าใจดีและต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ดังนั้นเมื่อได้รับการปล่อยตัว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ตนจึงตัดสินใจเลิกเล่นการเมือง และเลิกยุ่งการเมืองตลอดชีวิต แต่เมื่อครั้งที่ตนเล่นการเมืองครั้งแรก ได้มากราบสักการะขอพรอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งก็ได้เป็น ส.ส.ในที่สุด ดังนั้นเมื่อวันนี้จะเลิกเล่นการเมือง จึงต้องมาบอกกล่าว และปฏิญาณตนต่อหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีอีกครั้ง ส่วนหลังจากนี้ก็ขอให้ชื่อ “แรมโบ้อีสาน” เป็นตำนานทางการเมือง ตนจะไม่ขอใช้ชื่อนี้อีกต่อไป ขอเป็นเพียงนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อย่างเดียว

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทหาร ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. สบายใจได้ และทำหน้าที่เรียกคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองโดยเร็ว เพื่อให้บรรยากาศการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ นายสุภรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ตนก็ไม่ได้ติดต่อนานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยบินไปหาที่ต่างประเทศ หรือมีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว เป็นแต่เพียงในนามพรรคการเมืองเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และยุติบทบาททางการเมืองทุกกรณี หากใครแอบอ้างชื่อตนไปเคลื่อนไหวทางการเมือง  ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที นายสุภรณ์ฯ กล่าว

ทั้งนี้ภายหลังจากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จ นายสุภรณ์ ก็ได้เดินไปจับมือกับทหารนายหนึ่ง ซึ่งยืนรักษาความสบเรียบร้อยบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนที่จะกล่าวขอบคุณทหาร และเดินทางกลับบ้านเกิดที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมาต่อไป