กกต.เตือนจนท.รัฐหมิ่นเหม่วางตัวเป็นกลาง

กกต.สรุปรับสมัครเลือกตั้ง 4 วัน 917 คน ภาคใต้ยังรับสมัครไม่ได้ เตือนเจ้าหน้าที่รัฐหมิ่นเหม่วางตัวเป็นกลาง อาจถูกฟ้องร้อง

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 28-31 ธ.ค. รวม 4 วัน มีผู้สมัคร 917 คน ในส่วนจังหวัดที่ประสบปัญหาการรับสมัครยังคงเป็นภาคใต้เช่นเดิม โดยในวันนี้ จ.พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา กระบี่ ตรัง ชุมพร และภูเก็ต ได้ยุติการรับสมัครชั่วคราว

ทั้งนี้ จ.พัทลุง กำลังหาสถานที่ใหม่ คาดว่าน่าจะเป็นหน้า สภ.อ.เมืองพัทลุง ส่วน จ.กระบี่ มีมวลชนทั้งฝ่ายสนับสนุนประมาณ 500 คน และคัดค้านกว่า 1,000 คนไปชุมนุม โดย กกต.เขตพยายามพูดคุย แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ นอกจากหน้านี้ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่บางจังหวัดลาออก เช่น สุราษฎร์ธานี, กระบี่

ขณะที่ การรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ จ.นครศรีธรรมราช มีการใช้พื้นที่ ตชด. 42 ในการรับสมัคร โดยในวันนี้รับสมัครได้ 7 เขต จำนวน 20 คน ยกเว้น เขต 3 และเขต 8 เนื่องจากยังใช้สถานที่เดิมในการรับสมัคร ซึ่งมีว่าที่ผู้สมัครเดินทางมาสมัคร แต่มีการตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสถานที่รับสมัคร จึงต้องถอยออกมา

อย่างไรก็ตามการขยายวันรับสมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดที่มีปัญหาออกไป ไม่สามารถทำได้ เพราะมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้จัดทำตารางตามระเบียบ กกต.ไปแล้ว

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้่ กกต.ได้พยายามทำให้การรับสมัครสำเร็จ เท่าที่จะทำได้ โดยยืนยันที่จะจัดการเลือกตั้งต่อไป

ทั้งนี้ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ความพยายามเจ้าหน้าที่ของรัฐ ค่อนข้างจะหมิ่นเหม่ต่อการวางตัวเป็นกลางในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายรวมถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ กกต. ตำรวจ ทหาร ซึ่งความพยายามทำให้มีการรับสมัครสำเร็จ บางครั้งเป็นการทุ่มเทจากเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น รัฐมนตรีสั่งการลงไปยัง ผวจ. รอง ผวจ. นายอำเภอ หรือ สั่งการลงไปยังหน่วยงานตำรวจในพื้นที่เพื่อจัดการรับสมัครให้ได้ ถือว่าช่วยสนับสนุนการทำงานของ กกต.แต่เมื่อใดที่ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เช่น นำไปสู่การให้ผู้สมัครบางพรรคได้ข้อมูลข่าวสารก่อนพรรคอื่น หรือ พรรคบางพรรคเข้าพื้นที่ได้ แต่บางพรรคเข้าไม่ได้ ตรงนี้คาบเกี่ยวกับการวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

นายสมชัยกล่าวอีกว่า กกต.อยากเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ตั้งแต่รัฐมนตรี หน่วยงานราชการต่าง ๆ หากจะสนับสนุนต้องทำด้วยความเป็นกลาง เท่าเทียมไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้ว่าว่าเอื้อประโยชน์ต่อบางพรรค