posttoday

เสธ.อ้ายจ่อเปิดหลักฐานคนเอี่ยวหมิ่นสถาบัน

23 พฤศจิกายน 2555

“พล.อ.บุญเลิศ”ลั่น24พ.ย.มาไม่ถึง 5-6 หมื่นคนยกเลิกชุมนุมทันที เตรียมเปิดหลักฐานใครเอี่ยวหมิ่นสถาบัน ย้ำพร้อมรับผิดชอบเอง ยันรบ.ใช้พรบ.มั่นคงฯคุกคามเสรีภาพการประท้วง

“พล.อ.บุญเลิศ”ลั่น24พ.ย.มาไม่ถึง 5-6 หมื่นคนยกเลิกชุมนุมทันที เตรียมเปิดหลักฐานใครเอี่ยวหมิ่นสถาบัน ย้ำพร้อมรับผิดชอบเอง ยันรบ.ใช้พรบ.มั่นคงฯคุกคามเสรีภาพการประท้วง

เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พร้อมด้วยพล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ รองประธานอพส. ดูแลด้านความปลอดภัยในพื้นที่การชุมนุม พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศกุร์ แนวร่วมอพส. และนายประยงค์ ไชยศรี ทนาความกลุ่มอพส. ร่วมกันแถลงถึงการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

โดยพล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ตนจะนำหลักฐานที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการจาบจ้วงสถาบันมาเปิดเผยต่อประชาชนที่มาเข้าร่วมชุมนุมแบบไม่ตัดต่อ และหากเกิดเหตุอะไรก็จะรับผิดชอบด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังพบว่ารัฐบาลเตรียมจะทำการทุจริตด้วยการกู้เงิน จำนวน 2.2 ล้านๆบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณประเทศ 1 ปี

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรปี 2551 ถือเป็นการเรียกให้มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้น และก็เป็นการขัดขวางสิทธิการชุมนุมของประชาชน ทั้งนี้ อยากตั้งขอสังเกตุกรณีที่รัฐบาลขนเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากจากภาคใต้มาควบคุมความเรียบร้อยนั้น กระทำเกินไปหรือไม่ เพราะได้ประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีความรุนแรง ดังนั้น ควรนำกำลังไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ที่มีความรุนแรง และการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลหวังปกป้องตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

สำหรับผู้ที่จะขึ้นปราศรัยในวันที่ 24 พ.ย.นั้น ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการคัดกรอง แต่จะไม่ใช้คนมาก และตนอาจจะเป็นคนที่พูดมากที่สุด และหากคนมาน้อยไม่ถึง 5-6 หมื่นคน ก็จะยุติการชุมนุมทันที ส่วนไม้เด็ดในการชุมนุมนั้นไม่ขอเปิดเผย แต่ยอมรับว่าการล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนรัฐบาลก็ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะดำเนินการ ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นในการชุมนุมเชื่อว่าการ์ดจะควบคุมได้ พร้อมทั้งสื่อมวลชนต้องช่วยรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มั่นใจว่าว่าจะไม่มีเหตุความรุนแรง

ด้าน พล.อ.ณัฐชัย กล่าวว่า ได้มีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลพื้นที่การชุมนุมตลอดวลา โดยพื้นที่ด้านนอกจะอยู่ภายใต้ความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพื้นที่ด้านในจะเป็นความรับผิดชอบของการ์ดอพส. ดังนั้นหากเกิดเหตุอะไรในพื้นที่ด้านนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากมีกลุ่มคนเสื้อแดงแอบแฝงเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมเพื่อสร้างสถานการณ์ การ์ดของอพส.จะจัดการด้วยมาตราการหนักไปหาเบา

นายประยงค์ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกคำร้องที่มีผู้กล่าวหาว่าการชุนุมของอพส. ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ก็ถือว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ตามรัฐธรรนูญมตรา 63 และรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะประกาศ พ.ร.บ.ดังกล่าว และถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 เพราะคำสั่งของศาลมีผลผูกพันธ์กับรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และทุกองค์กร ดังนั้น การชุมนุมครั้งนี้ก็ถือว่าสามารถทำได้

สำหรับการประกาศพ.ร.บ.มั่นคงเพียง 3 เขตในพื้นที่กทม.นั้น หากมีการขัดขวางประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมนอกเขตพื้นที่ที่ได้ประกาศไว้ ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิการชุมนุมของประชาชน ส่วนการประกาศห้ามเด็กอายุต่ำว่า 18 ปีเข้าร่วมชุมนุมโดยอ้าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนปี 46 มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลควรส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วมทางการเมืองไม่ใช่ปิดกัน และหากมองย้อนกลับไปในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 52-53 ได้มีการใช้เด็กและคนชราเป็นโล่กำบังกลับไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ดังนั้น ยืนยันว่าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนห้ามเด็กอายุต่ำว่า 18 เข้าร่วมชุมนุม

ด้านพล.อ.ปฐมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการใช้วิชามารแอบแฝงอ้างตัวเป็นตำรวจยึดทรัพย์ของประชาชนที่เดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุม และการที่ระดมตำรวจมาเป็นจำนวนมากนี้ ก็ทำให้ผู้ก่อเหตุในในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อเหตุได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากมีการปิดกั้นประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมด้วยรั้วลวดหนามหรือแท่งปูน ผู้ชุมนุมก็ต้องฝ่าไปได้เพราะเราเคยผ่านกันมามากกว่านี้แล้ว