posttoday

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน

30 พฤษภาคม 2555

ฝ่ายค้านเดือดประธานสภาลักไก่ขอมติชงร่างพรบ.ปรองดองเป็นเรื่องด่วน บุกถึงบนบัลลังก์ ต้องสั่งพักประชุม ขณะที่ส.ส.หญิงสองฝ่ายหวิดตบกัน

ฝ่ายค้านเดือดประธานสภาลักไก่ขอมติชงร่างพรบ.ปรองดองเป็นเรื่องด่วน บุกถึงบนบัลลังก์ ต้องสั่งพักประชุม ขณะที่ส.ส.หญิงสองฝ่ายหวิดตบกัน

วันนี้ (30พ.ค.) เมื่อ18.00 น.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุความวุ่นวายในระหว่างการประชุมสภาขึ้นเมื่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนันท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พยายามให้สมาชิกลงมติเลื่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ทั้ง4ฉบับ ขึ้นมาเป็นเรื่องด่วน

หลังเสร็จสิ้นความพยายามบรรจุวาระดังกล่าวของนายสมศักดิ์ ปรากฏว่า สส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งได้ลุกขึ้นออกจากที่นั่งด้านล่าง ขึ้นไปบนบังลังก์ เพื่อขอให้นายสุรนันท์ ยุติการลงมติเพื่อให้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาเป็นเรื่องเร่งด่วน

บรรยากาศการประชุมเมื่อถึงช่วงนี้ ไปเป็นด้วยความวุ่นวาย เมื่อสส.พรรคเพื่อไทย ต่างกรูขึ้นไปบนบัลลังก์ซึ่งที่นั่งของประธานสภาฯด้วย โดย นายพิชิต ชื่นบาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มาโอบตัวเพื่อกันนายสมศักดิ์ไว้ ทำให้สส.พรรคเพื่อไทยที่เหลือเป็นจำนวนมากขึ้นมาปกป้องประธานบนบัลลังก์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาต้องเร่งนำตัวนายสมศักดิ์ออกจากห้องประชุมไปอย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที ซึ่งระหว่างพักการประชุมอยู่นั้น บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ต่างจับกลุ่มพูดคุยการทำหน้าที่ของประธานสภา

ส.ส.หญิงฝ่ายค้าน-รัฐบาลปะทะเดือดหวิดตบ

ระหว่างนั้น สส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยอง พร้อมด้วยสส.พรรค ได้เดินเข้าไปที่เก้าอี้ของประธานสภา เพื่อไม่ให้ประธานกลับมาทำหน้าที่ และระหว่างนั้น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินเข้าไปถึงเก้าประธานและรองประธานทั้ง 3 ตัว ซึ่งระหว่างที่ดึงเก้าอี้ตัวที่2 นั้น ปรากฏว่าสส.หญิงพรรคเพื่อไทย ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ นำโดยนางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข สส.เลย พรรคเพื่อไทย ได้เดินเข้ามาเพื่อที่จะแย่งเก้าอี้คืน โดยน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตะโกนก่อนที่จะไปแย้งเก้าอี้ว่า “มากเกินไปหรือเปล่า”

จากนั้น จึงได้มีการยื้อแย่งโดยนางเปล่งมณีและน.ส.ขัตติยา เข้าไปกระชากเก้าอี้จากน.ส.รังสิมา ก่อน ทำให้นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าไปช่วยเหลือน.ส.รังสิมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาและสส.ชายพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้นางเปล่งมณีหันมาขวางพร้อมโต้เถียงกับนางกันตวรรณ จนนายพงศ์เวช เวชชาชีวะ สส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเข้าไปห้ามนางเปล่งมณี

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาและสส.พรรคประชาธิปัตย์ พยายามกันกลุ่มบุคคลทั้งหมดออกจากห้องประชุมสภาไปอยู่บริเวณด้านหลังลังก์ซึ่งเป็นทางออกของประธานสภา ก่อนแยกย้ายไปจับกลุ่มวิจารณ์

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น น.ส.รังสิมา เปิดเผยว่า เหตุการณ์การแย่งเก้าอี้ประธานสภาคืน เพราะตนเห็นว่าประธานทำหน้าที่ไม่เหมาะสม ซึ่งระหว่างตนก็กำลังลังลากเก้าอี้ประธานและรองประธานลงจากบัลลังก์ ก็มีสส.หญิงพรรคเพื่อไทย อาทิ นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข สส.เลย  และน.ส.ขัตติยา  สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ลีลาวดี  วัชโรบล  สส.กทม. และนางชมพู  จันทาทอง สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้กรู่กันขึ้นมาหลังบัลลังก์แย่งชิงเก้าอี้คืน แต่ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ไม่มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งตนทำตามหน้าที่เมื่อประชาชนไม่เห็นด้วย และสส.พรรคก็ไม่เห็นด้วย แต่ประธานสภาก็ยังวินิจฉัยเหมือนเดิม การปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้นยิ่งจะทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตมากขึ้น

"ดังนั้น คิดว่าถ้ายังมีการฝืนที่ยังจะเอาพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภา ม็อบหน้าสภาจะบุกเข้ามา ดิฉันทำเพื่อพี่น้องประชาชน ที่จริงหน้าจะทำมากกว่านี้ ดิฉันทำในเชิงสัญลักษณ์ว่า ประธานไม่ควรทำหน้าที่นี้ และประธานควรใช้สมองคิดเองได้ว่า การกระทำแบบนี้ควรที่จะปรับปรุงและแก้ไข"น.ส.รังสิมา กล่าว

ขณะที่ น.ส.ขัตติยา ได้เขียนข้อความผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว ยืนยันว่าไม่ได้โดนตบ พร้อมระบุว่า "ยังแรงดีอยู่"

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน

มาร์คจี้ "ยิ่งลักษณ์"ลงนามรับรองกม.

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 16.50 น.การประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้กลับมาประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณาว่าจะเลื่อนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติหลังจากพักการประชุม 15 นาที ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ยังคงอภิปรายโต้เถียงกันในประเด็นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นพ.ร.บ.การเงินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 หรือไม่

นายพีระพันธุ์ พาลุสุข สส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพิจารณาถึงการเป็นกฎหมายเงินต้องยึดตามข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อที่ 111 ซึ่งกำหนดว่าประธานสภาฯต้องแจ้งให้ผู้เสนอทราบ หากผู้เสนอไม่คัดค้านภายใน 7 วัน ถือว่าไม่มีข้อสงสัยเรื่องความเป็นกฎหมายการเงินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 เท่ากับว่ากรณีหากพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิในฐานะผู้เสนอกฎหมายปรองดองไม่สงสัยก็ให้ถือว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ใครจะอ้างข้อบังคับข้อไหนไม่สำคัญ เพราะถือว่ารัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายสูงสุดของประเทศ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย พยายามอภิปรายโน้มน้าวให้นายสมศักดิ์เร่งให้วินิจฉัยว่าจะเลื่อนพ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ ซึ่งนายสมศักดิ์เองก็ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า "ทุกอย่างจบแล้วผมได้ใช้อำนาจวินิจฉัยเรียบร้อย หากไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่นก็ต้องเลื่อนขึ้นมา"

ส่งผลให้การประชุมกลับมาดุเดือดทันที โดยสส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจเพราะเห็นว่านายสมศักดิ์พยายามรวบรัดการอภิปรายมากเกินไป ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์อภิปรายว่า กรณีมีข้อสงสัยว่าร่างพ.ร.บ.ใดเป็นพ.ร.บ.การเงินตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ประธานสภาฯต้องดำเนินการวินิจฉัยทันที ไม่ใช่บรรจุระเบียบวาระเข้ามา เพราะเจตนารมณ์ของมาตรานี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถเสนอกฎหมายที่มีภาระผูกพันงบประมาณโดยพลการ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการพิจารณาว่ากฎหมายฉบับไหนเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ด้วยการให้ประธานสภาฯประชุมร่วมกับประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาฯเพื่อทำความเห็นเสนอนายกฯ หากเห็นว่าเป็นกฎหมายเงินก็ให้นายกฯลงนามรับรองเสนอต่อสภา ไม่ใช่เสนอบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระโดยยังมีข้อสงสัยทางกฎหมายอยู่

"กฎหมายปรองดองไปลบล้างคำพิพากษาในหลายคดีหนึ่งในคดีนั้น คือ คดียึดทรัพย์4.6หมื่นล้านบาท ถามว่าเมื่อคำพิพากษาถูกลบล้างเงิน 4.6 หมื่นล้าบาทจะกลายเป็นภาระของรัฐบาลต้องคืนเงินใช่หรือไม่ถ้าประธานสภาฯยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมายการเงินแปลว่าไม่มีการคืนเงิน ทั้งหมดจะได้มีการบันทึกไว้ รัฐบาลชุดต่อๆไปจะได้คืนเงินไม่ได้แต่ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นกฎหมายเงินก็ต้องว่าตามกระบวนการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเซ็นรับรองให้กฎหมายนี้คืนเงินให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ตรงนี้ คือ ประเด็น ดังนั้นเราจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ไม่ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน

"ประชา"สบถหยาบกลางสภา

จากนั้น สส.พรรคเพื่อไทยได้พยายามลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของสส.ฝ่ายค้านเพราะไม่พอใจที่ฝ่ายค้านส่งเสียงโห่การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยตลอด โดยนายประชา ประสพดี สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ถ้าทำกันแบบนี้ผมจะโห่ทุกครั้งที่ผู้นำฝ่ายค้านอภิปราย"

ระหว่างนั้นได้มีเสียงโห่ของพรรคประชาธิปัตย์สวนขึ้นมา ทำให้นายประชาได้อภิปรายหลุดคำหยาบคายออกมาว่า "โห่ทำเหี้ยอะไร" นายสมศักดิ์ ขอให้นายประชาถอนคำพูดไม่สุภาพดังกล่าว ซึ่งนายประชาได้ยอมถอนคำพูดตามคำร้องขอของประธานสภาฯ 

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน

 

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน

 

สภาเดือดฝ่ายค้านบุกบัลลังก์ประธาน