posttoday

ส.ว.อเมริกัน vs ส.ว.ไทย

10 ธันวาคม 2563

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

**********

เมื่อสมาชิกวุฒิสภา พรรคดีโมแครต ของสหรัฐ รวม 7 คน ได้เสนอญัตติให้วุฒิสภาอเมริกันพิจารณาเรียกร้องให้รัฐบาลไทย “ปกป้อง คุ้มครอง การให้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ “ นัยหนึ่ง กล่าวหาว่ารัฐบาลไทยไม่ให้ม็อบชุมนุมอย่างเสรีในประเทศไทย ถ้าจะตีความมากกว่านี้คือ ปรามรัฐบาลไทยไม่ให้จับกุม คุมขังแกนนำและผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด

ญัตติที่ ส.ว.อเมริกันเสนอนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินความคาด หรือสร้างความประหลาดใจให้กับคนไทยเลย เพราะคาดกันมาก่อนนั้นแล้วว่า หลังจากพ่ายแพ้ในการหนุนม็อบอ่องกงจนแกนนำม็อบถูกจับกุมคุมขังไปหลายราย ( แต่อเมริกันช่วยเหลือให้แกนนำหลายคนไปเรียนต่อในสหรัฐได้ก่อนหน้านั้น ) ใครก็รู้ว่า เป้าหมายต่อไปที่สหรัฐจะเข้าไปวุ่นวายก็คือ ประเทศไทย ซึ่งคนหนุ่มสาวกำลังเลียนแบบม็อบอ่องกงอยู่

ก่อนหน้านี้ มีการจัดม็อบในฮ่องกง ไต้หวัน ไทย และสิงคโปร์ อยู่ในกลุ่ม “ม็อบชานม” ซึ่งเป็นม็อบคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่สหรัฐหมายตาไว้จะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองกดดันรัฐบาลของประเทศนั้นให้มีนโยบายสอดคล้องกับผลประโยชน์สหรัฐและต่อต้านจีน

ในขณะที่ม็อบฮ่องกงหมดสภาพ โจชัว หว่องและเพื่อน ซึ่งไม่ยอมหนีมวลชนไปเรียนต่อในสหรัฐเหมือนเพื่อน ๆ ถูกศาลอ่องกงพิพากษาจำคุกคนละ 13 เดือน อเมริกันก็หายเงียบไป ไม่เห็นออกไปวุ่นวายและโวยวายในอ่องกงอีกเลย

แต่มาโผล่ที่เมืองไทยแทนตามคาด

ภาพถ่ายระหว่างเอกอัคราชทูตอเมริกันคนนี้กับแกนนำม็อบชานมเมืองไทยที่ได้รับเชิญไปดื่มน้ำชาตอนบ่ายที่ทำเนียบท่านทูต ซึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ปรากฏชัดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้งหนึ่ง

นี่คือ “คำตอบ” ที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมม็อบใน กทม.ถึงพยายาม “เลี้ยงกระแส” ไว้ ชุมนุมไปเรื่อย ๆ ที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง แม้ว่านักเรียน นักศึกษา คนหนุ่มสาวจะน้อยลง ก็เอา “คนเสื้อแดง” มาเติมให้และกลายเป็นคนส่วนใหญ่ในม็อบ เพื่อให้ยืนอยู่นานที่สุด รอการสนับสนุนจากนอกประเทศ

คนอยู่เบื้องหลังม็อบคงรู้แล้วว่า การสนับสนุนจากภายในประเทศต่อม็อบ คงยืนได้ไม่นาน ก็ต้องเตรียมแสวงหาการสนับสนุนจากต่างประเทศ มากดดันรัฐบาลอีกทีหนึ่ง และวิธีการที่ผู้อยู่เบื้องหลังนิยมใช้ก็คือ การจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” ชักจูงให้สมาชิกรัฐสภาแสดงท่าทีสนับสนุน ซึ่งเขาทำสำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้

หากทำครั้งนี้สำเร็จ ก็เท่ากับยิงได้นกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว คือ ยังเป็นที่พึ่งของม็อบในเมืองไทยที่สามารถนำมาใช้ในการบ่อนเซาะเสถียรภาพรัฐบาลประยุทธ์ และทำให้สหรัฐระแวงรัฐบาลประยุทธ์ว่าสนับสนุนจีนมากกว่า ซึ่งจะกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐในภูมิภาค ดังนั้น สหรัฐต้องล้มรัฐบาลชุดนี้ให้ได้

แต่จังหวะไม่ดี เพราะอเมริกากำลังวุ่นวายอยู่กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากทรัมป์ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จนกระทั่งชัดเจนว่า โจ ไบเดน แห่งพรรคดีโมแครตชนะ และจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป วุฒิสมาชิกพรรคดีโมแครตกลุ่มหนึ่งที่จอจังหวะอยู่ก็เริ่มงานทันที เพราะรอต่อไปอีกไม่ได้เนื่องจากม็อบในเมืองไทยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงไปทุกที

แกนนำม็อบหลายคนเจอเข้าไปคนละหลายคดี ต้องเดินขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่น ต่อไปก็ต้องเดินขึ้นศาลอีกหลายปี แกนนำที่ทำเป็นแน่ “ ฉันไม่แคร์ “ นั้น ก็คงเป็นระยะเริ่มแรก นาน ๆ ไปก็คงฝ่อไปเอง ถ้าแกนนำติดคุก ชื่อของแกนนำเหล่านี้ก็คงหายไปจากความทรงจำของประชาชน และคนที่หลบอยู่ข้างหลัง

ส.วอเมริกันทั้ง 7 น่าจะศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้ โดยสามารถขอข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐซึ่งได้รับรายงานจากสถานทูตอเมริกันในไทยเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราอยากให้ข้อเท็จจริงบางอย่างกับ ส.ว.อเมริกันเหล่านี้ลองไปคิดดูว่าจริงหรือไม่อย่างไร

แม้ว่ารัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดโควิด 19 ในช่วงแรกได้ห้ามไม่ให้มีการชุมนุม ก่อนที่จะผ่อนคลายมาตรการลง ปัจจุบัน ไม่ได้มีการประกาศห้ามการชุมนุม หากรัฐบาลจะประกาศห้ามการชุมนุมก็สามารถทำได้ หรือจะกำหนดเป็นพื้นที่ไป หรือกำหนดพฤติกรรมการชุมนุม หรือประกาศเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาการชุมนุม ก็สามารถทำได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ทำ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า รัฐบาลประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อไม่ให้คนชุมนุมตามที่ม็อบกล่าวหา

จริง ๆ แล้ว รัฐบาลสามารถออกข้อกำหนดเพิ่มเมื่อไรก็ได้ เช่น การห้ามชุมนุม การควบคุมสื่อ การเข้ายึดอายัด แต่ขณะนี้ รัฐบาลไม่ได้ประกาศใช้สักข้อเดียว เรียกว่า ปล่อยให้ม็อบชุมนุมกันเต็มที่ ทุกอย่างให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ

ไม่มีอะไรเลยที่เป็นไปตามข้อกล่าวหาหรือข้อสังเกตของ ส.ว.อเมริกันกลุ่มนี้

รัฐบาลต้องอดทนกับพฤติกรรมถ่อย เถื่อน หยาบคาย ลามก ฯลฯ สุดประมาณ รวมทั้งทำความเสียหายต่อสถานที่ราชการและที่สาธารณะต่าง ๆ ยอมให้คนไทยด้วยกันเองด่าว่า เยาะเย้ย ถากถาง ท้าทาย ทำความเดือดร้อนรำคาญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นแทบไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อลามปาม จาบจ้วง ล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มากเข้า รัฐบาลก็ต้องใช้ ป.วิ อาญา มาตรา 112-116 แทน เพราะถ้าไม่ทำ เห็นทีประชาชนจะออกมาทำแทน

พฤติกรรมของ สมาชิกวุฒิสภาอเมริกันและรัฐบาลอเมริกันในกรณีนี้ ไม่แตกต่างกับนิทานอีสป เรื่อง “ หมาป่า กับ ลูกแกะ “ ไม่ว่าลูกแกะจะทำดีอย่างไร หมาป่าก็กล่าวหาลูกแกะได้ทุกเรื่องไปเพื่อหวังจะเขมือบกินเสียให้สมอยาก

แต่บังเอิญ “ลูกแกะ” ตัวนี้ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่ใครจะมาข่มขู่ง่าย ๆ

ภาครัฐบาล กระทรวงต่างประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล ที่คนเพียงแค่มีสามัญสำนึกก็ควรจะเช้าใจได้ สิ่งใดที่เป็นกิจการของกระทรวงการต่างประเทศไทยนั้น เราไม่ต้องห่วง เพราะนายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักการทูตอาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์อย่างดียิ่ง และช่วยแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองตลอดมา เรื่องแบบนี้ท่านเผชิญมามากแล้วและแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดีทุกครั้ง

ส่วนภาคประชาชน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างประเทศ กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน และ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ของวุฒิสภา ได้ประชุมร่วมกัน และชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อส่งผ่านไปยังวุฒิสมาชิกอเมริกัน โดยแสดงความห่วงกังวลว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวอาจถูกนำไปตีความที่คลาดเคลื่อน และตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และเพิ่มเติมว่า ความเห็นของ ส.ว.อเมริกันเป็นเพียงความเห็นด้านเดียว แต่ละประเทศย่อมมีปัญหาแตกต่างกัน แต่ละประเทศจะต้องไม่ก้าวก่ายการบริหารภายในประเทศของกันและกัน

ให้ ส.ว.อเมริกัน กับ ส.ว.ไทย ไปว่ากันเอง บอกได้เลยว่า ส.ว.ไทยนี่ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าเถียงกันด้วยภาษาไทย รับรองว่า ส.ว.ไทยสู้ตาย

เมื่อโจ ไบเดน จากพรรคดีโมแครต ขึ้นบริหารประเทศ รัฐบาลไทยต้องเตรียมรับมือกับแรงกดดันจากสหรัฐได้เลย โดยเฉพาะในประเด็นประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคนี้อยู่แล้ว เขาจะกดดันรัฐบาลประยุทธ์ให้ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

ม็อบเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะถูกใช้เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยให้ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกัน หรืออย่างน้อยไม่ขัดผลประโยชน์สหรัฐ แต่ถ้าสหรัฐช่วยเหลือแกนนำม็อบที่โดนจับและอยู่ระหว่างดำเนินคดี เท่ากับเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยและเป็นการละเมิดอธิปไตยทางศาลของไทยอย่างชัดเจน

เรื่องพวกนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน

******************