posttoday

เดิมพันราคาแพงที่ต้องจ่าย

26 พฤศจิกายน 2563

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

******************

บทความในวันนี้ เป็นการรวมความเห็น คำร้องขอกึ่งบังคับของพรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้ที่เราเคารพนับถือ ที่อยากให้ถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเขาซึ่งเป็นคนที่เสียภาษีไปสู่สังคมและสู่รัฐบาลบ้างว่า ที่คนส่วนใหญ่เขาเงียบ ๆ ไม่แสดงออกนั้น ในใจของพวกเขารุ่มร้อนเป็นไฟ และสงสัยว่า รัฐบาลซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร รัฐสภาซึ่งเป็นที่รวมของตัวแทนราษฎรกำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยให้คนบางกลุ่มบางพวกก่อความวุ่นวาย ละเมิดกฎหมาย คุกคาม จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชน แบบนี้ได้อย่างไร กำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งก็ตรงกับความรู้สึกของผู้เขียนด้วย

ว่าด้วยเรื่องสถาบันกษัตริย์ก่อน สิ่งที่พรรคพวกตั้งคำถามคือ ทำไมถึงคนรุ่นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า เป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตัล ถึงหยาบคาบ กักขฬะ ถ่อย เถื่อน อาละวาดจิกกันคนที่มีความเห็นต่างจากตนไปหมด ด่าว่าสถาบันสูงสุดชนิดที่ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนไทยด้วยกัน

หากใช้ภาษาวิชาการก็พูดว่า พวกนี้ต้องการบ่อนเซาะ ด้อยค่า บ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์อย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ถ้าใช้ภาษาชาวบ้านก็คือ แกนนำพวกนี้ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นมาโค่นล้มสถาบันกษัตริย์นั่นเอง ขาดสมัยคอมมิวนิสต์ก็ไม่เคยทำกันถึงขนาดนี้ แกนนำถ่อย เถื่อน หยาบคายทั้งคำพูด การกระทำ เพื่อต้องการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมที่ไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง คนไทยแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ก็ถูกคนขับวัยรุ่นใจร้อนใส่เกียร์เดินหน้าพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็ว คนขวางหน้าไม่ว่าพ่อแม่ พี่ป้าน้าอา หรือครูอาจารย์ เพือนฝูง หากไม่ใช่พวก ก็ชนดะไปหมด คนขับเป็นเด็กวัยรุ่นยุคดิจิตัลที่เร็ว แรง หัวร้อน มองคนที่ขวางเป็นยุคแอนะล็อคที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแล้ว

เมื่อยังไม่สามารถโจมตีทางกายภาพได้ ก็มุ่งเป้าไปที่สถานที่ บุคคล ที่เป็น “สัญลักษณ์” ของสถาบันสูงสุด เช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักพระราชวัง วังหลวงและวัดพระแก้ว ทำโลงศพคลุมด้วยผ้าสีแดง (ชาติ) เหลือง (ศาสนา) น้ำเงิน (พระมหากษัตริย์) แม้แต่รัฐสภาซึ่งเป็นที่รวมของผู้แทนที่ประชาชนเลือกเข้าไปเพื่อปรึกษาหารือกิจการบ้านเมือง หากไม่ทำสิ่งใดหรือทำแล้วไม่ถูกใจ ก็ยังถูกคนกลุ่มนี้ส่งม็อบเข้าไปกดดัน คุกคาม และทำร้ายคนที่เห็นต่าง

หลายคนที่บอกมาพูดตรงกันว่า เวลานี้ ม็อบ “เสื้อสีดำ” ( บางส่วนใช้เสื้อสีดำเป็นสัญลักษณ์ ) กับ “ม็อบเสื้อสีแดง” มารวมกันแล้ว นัยหนึ่ง ม็อบเสื้อสีแดงได้ออกมาสนับสนุน จะเป็นเพราะ ส.ส.ในพื้นที่ให้หัวคะแนนนำมา เพื่อเพิ่มจำนวนให้ดูดีว่ามีคนมาร่วมมากขึ้น เป็นที่รู้กันว่า ของแบบนี้ถ้า “นายใหญ่” ไม่สั่ง ก็ไม่เกิดขึ้น นี่แสดงว่าผลประโยชน์ร่วมทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการผสมสามสี ระหว่างสีดำ สีแดง และสีล้ม

ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น แม้จะมีทั้งนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชนตักเตือนด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยว่า การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวนั้นเกินขอบเขตไปแล้ว เพราะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ปิดกั้นถนน ทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่นที่สัญจรไปมา ไม่สามารถใช้ถนนได้ด้านใดดานหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ยึดทางเดินลอยฟ้า คุกคามต่อการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทางรัฐธรรมนูญ คนเหล่านี้ก็ไม่ฟัง นอกจากไม่ฟังแล้ว ยิ่งทำมากขึ้น ท้าทายมากขึ้น

นอกจากทำลายทรัพย์สินของทางราชการที่สร้างด้วยเงินภาษีของประชาชน เช่น การสาดสี เขียนเลอะเทอะบนกำแพงวัด รั้วของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ่นสีบนถนนด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบสุดๆ ฯลฯ

เมื่อมีสิ่งเลว ก็มีของดี ๆ เกิดขึ้น ที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งทำตามที่ใจคิด ตามความรับผิดชอบของคนไทยคนหนึ่ง ถือสีมาช่วยกันลบคำหยาบคายที่เขียนบนรั้ว กำแพง พื้นถนน โดยที่เขาไม่คิดที่จะดังหรือทำเพื่อถ่ายรูปในลงสื่อ แต่คนที่ผ่านมาไปผ่านมาเห็นก็ถ่ายรูปโพสต์ลงสื่อโซเชียล มีคนแชร์กันต่อไปเป็นพันเป็นหมื่น ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงจากนั้น ก็มีคนดีทั้งผู้ใหญ่ เด็ก ชาย หญิงมาช่วยกันลบข้อความหยาบคายและทำความสะอาดรั้ว กำแพง พื้นถนน คนที่ไม่ถนัดแบบน้ก็ซื้อน้ำ อาหาร สี ฯลฯ มามอบให้ เป็นการแสดงจิตใจที่ดีของคนที่มีใจเป็นไทย ไม่ทราบว่าม็อบที่ทำนั้นรู้สึกละอายบ้างหรือไม่กับสิ่งที่ตนได้ทำ

จะหวังพึ่งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ก็พึ่งไม่ได้ ที่ผ่านมามี ส.ว.บางคนเช่น นายสมชาย แสวงการ พล.อ.สมเจต บุญถนอม ส่วน ส.ส.ก็มีนายถาวร เสนเนียมที่ออกมาปกป้องสถาบันกษัตริย์ ส่วนตัวแทนของประชาชนที่รับเงินภาษีของประชาชนเดือนละหลายแสนบาทนั้นเคยได้ยิน เคยฟังความรู้สึกของประชาชนซึ่งเลือกพวกท่านเข้าไปที่กำลังอึดอัดใจกับพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิด ฯลฯ ของกลุ่มคนดังกล่าวหรือไม่ แต่เราไม่เคยเห็นหรือได้ยิน ส.ส. หรือ ส.ว.คนไหนตั้งกระทู้ถามรัฐบาล หรือให้สภาพิจารณาเรื่องการคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เลย ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป ซึ่งกระทบต่อจิตใจของประชาชนที่เลือกพวกท่านเข้าไปเป็นผู้แทน ( ท่านอาจตั้งเป็นกระทู้ลับก็ได้ )

แม้ว่า รัฐบาลพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าแกนนำม็อบไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย เพราะถูกจับวันนี้ วันรุ่งขึ้นก็ได้รับการปล่อยออกมา เพราะยังเดินหน้าสร้างม็อบต้านสถาบันกษัตริยืได้ตามปกติ พวกเขาไม่สนใจว่าจะทำผิดเงื่อนไขศาลหรือไม่อย่างไร ถึงกระนั้น รัฐบาลก็ต้องใช้การบังคับกฎหมายต่อไป แต่ตำรวจต้องทำอย่างรวดเร็วและประชาสัมพันธ์ให้ประชนชนได้รับทราบอย่างกว้างขวาง ความคืบหน้าในทุกข้นตอน

ใครจะชอบหรือไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ความเป็นจริงก็คือ เขา เป็นนายกรัฐมนตรีมีผลงานเด่นหลายอย่างภายใต้ข้อจำกัดเรื่องโควิด การบริหารจัดการการแพร่ระบาดไข้หวัดโควิด 19 ได้รับคำชมจากทั่วโลก โครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทางเศรษฐกิจเดินหน้าด้วยดี และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ความซื่อสัตย์สุจริต ความตั้งใจจริงในการทำงานท่ามกลางวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเมืองเช่นนี้

สิ่งที่กลุ่มในและนอกประเทศที่สูญเสียอำนาจกลัวที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับความนิยมและอยู่ในอำนาจต่อไป จึงพยายามอย่างที่สุดที่จะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ให้ได้ โดยเฉพาะความหวังที่จะให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ซึ่งไม่มีงานทำลุกฮือขึ้นมา แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็ใช้โครงการต่าง ๆ ที่ลงถึงประชาชนรากหญ้โดยตรงทำให้ประชาชนระดับล่างพอใจ

ม็อบล่าสุดเชื่อว่ามีมหาอำนาจชาติตะวันตกที่ต่อต้านจีนและเกรงว่า รัฐบาลประยุทธ์ใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป ออกมาช่วย เห็นได้จากม็อบครั้งหลัง ๆ ถือธงกบฏซินเจียง ธิเบต ไต้หวัน ฮ่องกง ซึ่งต่อต้านจีนไปแล้ว แกนนำม็อบออกมาหนุนโจชัว หว่อง ที่กำลังจะถูกติดคุกในฮ่องกง หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่นานเท่าใด กลุ่มที่สูญเสียอำนาจทั้งนอกและในสภามีแต่จะแห้งเหี่ยวและห่อเหี่ยวลงทุกที จึงต้องหนุนม็อบล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ให้ได้โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ และแสวงประโยชน์จากจุดอ่อนของผู้นี้ที่มีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์กับคนทั่วไป

เป็นที่ทราบกันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด 19 ให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุน นักท่องเที่ยวมาเที่ยว เป็นสิ่งที่ต้องทำอันดับต้น ๆ แต่ถ้ามัวแต่ท่องคาถา “ กลัวคนไทยจะฆ่ากันเอง” แล้วยอม “จ่ายด้วยราคาแพง” โดยเอาสถาบันสูงสุดเป็นเดิมพันที่ต้องจ่าย ยอมให้กลุ่มล้มเจ้าจาบจ้วง หยาบคาย กักขฬะ ต่อสถาบันกษัตริย์ต่อไป ประชาชนรับไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นนายทหารที่มีความจงรักภักดีสูง ไม่ต้องห่วงว่า “คนไทยจะฆ่ากันเอง” คนดีไม่ตีกับใครเพราะคนดีเคารพกฎหมาย เพียงแต่รัฐบาลต้องปกป้องคนดีที่เคารพเทิดทูน ปกป้องสถาบันกษัตริย์ อย่าให้กลายเป็นคนที่เสียเปรียบในสังคม ส่วนคนที่ไม่เคารพกฎหมาย บ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น กลายเป็นผู้ได้เปรียบในสังคม การบังคับใช้กฎหมายทั้งฝ่ายบริหารและตุลาการต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยรวดเร็ว

***************************