posttoday

อดีต รมว.สธ.เตือนคนไทยอย่าตื่นตระหนก "Coronavirus" แต่ให้เรียนรู้วิธีป้องกันการติดเชื้อ

04 กุมภาพันธ์ 2563

ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานมูลนิธิ โรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาว่าจากประสบการณ์ที่เคยต่อสู้กับไข้หวัดนก และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น ตนหวังว่ามาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลจีนและรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบันที่มีมาตรฐานดีขึ้นกว่าเดิมมาก น่าจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสตัวนี้ขยายตัวความรุนแรงไปสู่ขั้นวิกฤติทั่วโลกได้

ศ.นพ.สุชัย อธิบายว่า โคโรนาไวรัสมีอยู่ 7 สายพันธุ์ คือ Alpha Coronavirus 229E,Alpha Coronavirus NL63, Beta Coronavirus CO43, Beta Coronavirus HKU1, Beta Coronavirus MERS –CoV, Beta Coronavirus SARS – CoV, และที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันคือ Novel Coronavirus 2019 - nCoV

ปัจจุบันความรู้เรื่อง Novel Coronavirus ( 2019 – nCoV ) ยังไม่ตกผลึกไม่มียาและวัคซีนที่สามารถใช้รักษาและป้องกันโรคนี้ได้ ดังนั้นวิธีต่อสู้กับไวรัสตัวนี้ ก็คือจะต้องใช้มาตรการและเครือข่ายในการตัดวงจรชีวิตของมัน หากไวรัสตัวนี้กลายพันธุ์ ก็จะทวีการแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว และรุนแรงมาก โดยตัวอย่างในอดีตนั้นเคยมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ Spanish Flu ที่รุนแรงมากในปี พ.ศ. 2461 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30 ล้านคน และการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ Hong Kong Flu ที่มีผู้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2511 ประมาณ 2 ล้านคน

จากรายงานข้อมูลเมื่อปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ Wuhan Coronavirus ( 2019 – nCoV ) มีประมาณ 2 - 3 % เปรียบเทียบกับอัตราการตายของผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ( H5 N1 ) ที่เคยมีประมาณ 60 % อัตราการตายของผู้ติดเชื้อ Coronavirus MERS ที่เคยมีประมาณ 35 % อัตราการตายของผู้ติดเชื้อ Coronavirus SARS ที่เคยมีประมาณ 10 % และอัตราการตายของผู้ติดเชื้อไวรัส

ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ( Influenza ) ที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ปีโดยเฉลี่ย 0.1 - 2.5 % แต่ที่น่ากลัวก็คือเชื้อไวรัส Coronavirus ( 2019 – nCoV ) ตัวนี้มีอัตราการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น 1.5 - 3.3 คน ต่อผู้ป่วย 1 คน เมื่อเปรียบเทียบ กับสถิติของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ( Influenza ) ที่มีอัตราการติดเชื้อไปสู่ผู้อื่น 1.3 คนต่อผู้ป่วย 1 คน

จากรายงานสถิติล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ติดเชื้อ Novel Coronavirus ( 2019 – nCoV ) ทั่วโลกประมาณ 19,810 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 426 คน ภายในห้วงเวลาเพียงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุบัติการที่น่าวิตกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการแพร่ระบาดของ Coronavirus SARS - CoV ที่มีผู้ติดเชื้อ 8,098 คน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 774 คน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 - เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546

ณ ปัจจุบันรัฐบาลจีนและองค์การอนามัยโลกยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้จะรุนแรงไปถึงขั้นใด แต่ผู้เชี่ยวชาญและคณะวิจัยไวรัสวิทยาในฮ่องกงพยากรณ์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และน่าจะถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2563 จากนั้นความสัมฤทธิ์ผลของมาตรการควบคุมโรค จะมีผลให้ระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาดลดลงในลักษณะของเส้นกราฟรูปทรงระฆังคว่ำ แต่ถ้ามาตรการควบคุมโรคล้มเหลวการแพร่ระบาดจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงถึงขั้นวิกฤติในภูมิภาคทวีป หรือทั่วโลก

ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล กล่าวว่า โลกปัจจุบันเป็นสังคม IT ที่มีข้อมูลข่าวสารอยู่ทั่วไปทุกหัวระแหง ข้อมูลบางอย่างเป็นเพียงข่าวลือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อความตื่นเต้น ทำให้เกิดกระแสตื่นตระหนกมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ฉะนั้นประชาชนทุกคนควรให้ความสนใจกับความรู้เบื้องต้น และคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ รวมทั้งพึงสังวรถึงอันตรายของไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ( Influenza ) ที่มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 4 แสนคน ในทุก ๆ ปีด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่าแพทย์และพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งโรงเรียนแพทย์ทุกแห่งมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ พร้อมทั้งให้ข้อแนะนำในการดำเนินมาตรการป้องกันและรักษาโรคไว้ดังนี้ 1. รัฐบาลไทยควรให้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก รัฐบาลจีน และประเทศอื่น ๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Wuhan Coronavirus ( 2019 – nCoV ) ภายใต้ผลประโยชน์แห่งชาติไทย

2. จัดตั้งวอร์รูมสะกัดไว้รัสในระดับนานาชาติ โดยร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและยุทธศาสตร์การป้องกันโรคฯ ในลักษณะเดียวกับที่ตนเคยทำไว้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสไข้หวัดนก และเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2548 ร่วมกับ Dr. Lee Jong Wook ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก และ Mr. Michael O. Leavitte รมว.สาธารณสุขสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ รวม 12 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ บรูไน ภูฐาน ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งในครั้งนั้นมีพื้นที่ครอบคลุมภูมิภาค Asia Pacific แต่ในครั้งนี้อาจกระชับลงมาเป็นภูมิภาค Southeast Asia ก็ได้

3.ประชาสัมพันธ์ความรู้เบื้องต้นและข้อปฏิบัติในการป้องกันเชื้อไวรัสฯ ผ่านสื่อต่าง ๆ และเว็ปไซด์ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปไม่ตื่นตระหนก และได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง 4. พัฒนาการประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสฯ ของโรงพยาบาลระดับจังหวัดทุกแห่ง ให้มีขีดความสามารถรายงานผลการตรวจชันสูตรได้อย่างถูกต้องแม่นยำภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับสิ่งส่งตรวจฯ ตามแนวทางที่ตนได้เคยนำร่องการพัฒนาศักยภาพของศูนย์วิทยาศาสคร์การแพทย์ในภูมิภาคต่าง ๆ รวม 6 แห่ง ( เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา ) เมื่อปี พ.ศ. 2548

5.กรณีผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ชนบทที่ห่างไกลในระดับอำเภอ - ตำบล-หมู่บ้านให้รีบส่งตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของโรงพยาบาลศูนย์ฯ หรือโรงพยาบาลทั่วไปในระดับจังหวัด รวมทั้งจัดเตรียมยาต้านไวรัสให้เพียงพอที่จะแจกจ่ายไปให้โรงพยาบาลชุมชนในระดับอำเภอ และโรงพยาบาลทั่วไปในระดับจังหวัดทุกแห่งที่มีอุบัติการของโรค