posttoday

เสรีภาพกับความรับผิดชอบ

28 พฤศจิกายน 2562

ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

******************************************

ความมั่นคงของชาติด้านการเมือง ตามตำราหมายความรวมถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การปราศจากความรุนแรงทางการเมืองถ้าใช้ตามหลักการนี้ เราก็พอจะมองเห็นได้ว่า ประเทศไทยในช่วงเวลาไหนมีหรือไม่มีความมั่นคงทางการเมือง

ในช่วงเวลาหนึ่ง คนไทยแตกแยกความสามัคคีอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแบ่งแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่ายซึ่งไปไกลเกินกว่าความรักชอบนโยบายของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่พร้อมที่จะห้ำหั่นฝ่ายตรงข้าม เมื่อสูญเสียอำนาจทางการเมือง ก็ถึงกับคิดจะแยกเป็นรัฐไทยเหนือ ไทยอีสาณ ท้าทายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข

เท่ากับเป็นการท้าทายทั้ง "รูปแบบของรัฐ" และ "รูปแบบการปกครอง" ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับตั้งแต่ฉบับปี 2475 จนถึงฉบับปี 2560

สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกท้าทายอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่มีความยำเกรงแต่อย่างใด ฝ่ายบริหารขณะนั้นก็มีความอ่อนแอหรือไม่ใส่ใจที่จะบังคับใช้กฎหมาย

ซ้ำยังเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแชงอย่างโจ่งแจ้งทั้งในประเทศและในเวทีระหว่างประเทศ อย่างไม่เกรงใจคนไทย ด้วยการสนับสนุนพรรคการเมืองที่เอื้อผลประโยชน์ของตน

ความขัดแย้งขยายและแทรกซึมเข้าไปในทุกภาคส่วนของประเทศ เกิดความรุนแรงทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยปราฏมาก่อน มีทั้งการเผาบ้านเผามือง การจลาจล คนไทยฆ่าคนไทย ด้วยกันเองเพียงเพราะความแตกต่างในความเห็นทางการเมือง ยอมให้คนต่างชาติเข้ามาทำร้ายเพื่อนร่วมชาติ

คดีความต่างๆ ถ้าศาลองค์การอิสระวินิจฉัยไม่ถูกใจ กรรมการองค์กรอิสระและครอบครัวอาจอยู่ไม่เป็นสุข เพราะโดนคุกคามต่างๆ นานา มีความพยายามของนักการเมืองที่จะมีอิทธิพลเหนือองค์กรอิสระ ทำให้องค์กรนั้นไม่อิสระอย่างที่รัฐธรมนูญต้องการให้เป็น

การชุมนุมทางการเมืองและการจลาจลในฮ่องกงปัจจุบัน ถ้าเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในไทยขณะนั้น ขอบอกว่า เหตุการณ์ในฮ่องกงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย หรือเป็นเรื่องของเด็กๆ

เวลาศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลยุติธรรมวินิจฉัยหรือตัดสินคดีความหากถูกใจก็บอกว่าศาลดี แต่ถ้าไม่ถูกใจ ก็บอกว่าศาลเลว ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นกลาง ฯลฯ

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลฎีกาและศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษาและคำวินิจฉัยคดีสำคัญสองสามคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวกับนักการเมืองคำตัดสินมีทั้งที่ให้คุณและให้โทษแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจกองเชียร์ ที่น่าสนใจคือไม่มีการปลุกระดมด่าศาล หาว่าศาลไม่เป็นกลางอย่างเช่นที่เคยเป็นมาเวลาศาลตัดสินไม่เป็นที่พอใจของตน อาจเป็นไปได้ว่า คนที่เคยปลุกระดมนั้น เวลานี้มีธุระไปติดคุกกันหมดแล้ว หรืออยู่ระหว่างประกันตัวออกมาสู้คดี

บ้านเมืองจะพัฒนาได้ ก็ต้องมีความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่องระยะหนึ่งก่อน ซึ่งอาจจำเป็นต้องแลกด้วยการจำกัดสิทธิเสรีภาพบางประการ หากเอา "ประชาธิปไตย"
และ "อำนาจนิยม" มาขึ้นตาชั่ง ช่วงระยะห้าปีที่ผ่านมา น้ำหนักเทไปยังอำนาจนิยมมากกว่า เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้นในเวลานี้ น้ำหนักด้านประชาธิปไตยก็มีมากขึ้น
ระบบอำนาจนิยม

ประชาชนขอให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อยสักระยะหนึ่ง อย่างน้อยห้าปีที่ผ่านมาบ้านเมืองก็สงบเรียบร้อยพอสมควร แม้เวลานี้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่ความสงบเรียบร้อยของประเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิตอย่างสงบสุขและพัฒนาโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหา

นักการเมืองหนุ่มสาวไทยบางคนที่ออกมาพูดว่า การลงถนนเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยนั้น เพราะเป็นสิทธิสภาพที่สามารถทำได้ ไม่มีใครเถียง รัฐธรรมนูญปี 2660 มาตรา 44 ได้ให้หลักประกันในเรื่องนี้ว่า

"บุคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น"

ถ้าคิดจะชุมนุมก็อย่าลืมไปขออนุญาตตำรวจเสียก่อนว่าจะชุมนุมที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เพราะเวลานี้มีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมเป็นการเฉพาะ จะทำแบบก่อนไม่ได้

อย่างไรก็ดี อย่าลืมไปอ่านมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ตอนท้ายที่ระบุด้วยว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือ เสรีภาพเช่นว่านั้น "ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น" และมาตรา 49 วรรค หนึ่ง " บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้"

สิทธิเสภาพต้องควบคู่ไปกับความรับผิดชอบ ไม่ใช่คิดจะใช้สิทธิเสภาพอย่าง เดียว ส่วนบ้านเมืองจะเสียหายหรือไม่อย่างไร ช่างมัน

ถ้าคิดจะปลุกม็อบคนหนุ่มสาวโดยใช้สื่อดิจิตัลป็นเครื่องมือให้เกิด "แฟลช ม็อบ" แบบ ถูกคนในฮ่องกงก่นด่าที่ทำแบบฮ่องกง ก็ให้ดูชายตาของหนุ่มสาวฮ่องกงในปัจจุบันที่กำลังไปไม่รอด และถูกคนในฮ่องกงก่นด่าที่ทำให้เศรษฐกิจของฮ่องกงเสียหายยับเยิน นายโจชัว หว่อง ที่เป็นหุ่นเชิดของอเมริกันก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ฝรั่งอเมริกันที่หนุนอาตี๋อาม่วยในฮ่องกงกำลังนั่งกุมหัวปวดขมับ คิดหาวิธีจะช่วยอาตี๋อาม่วยป่วนจีนอย่างไรต่อไป

นักการเมืองไทยเวลาสูญเสียอำนาจหรือเป็นฝ่ายค้าน ก็คิดจะปลุกม็อบลงถนน เพื่อล้มรัฐบาลจนเกิดความวุ่นวาย บ้านเมืองเสียหายมาแล้ว ปัจจุบัน นักการเมืองที่คิด จะปลุกคนหนุ่มสาวลงถนนนั้น เวลานี้คิดหาทางเอาตัวรอดจากที่พรรคอาจถูกยุบก่อนดี ไหม ว่าจะย้ายไปอยู่พรรคไหนดี