posttoday

เจ็บแล้วต้องจำ

14 พฤศจิกายน 2562

ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

************************************

ประเทศไทยถ้าเป็นคนก็ถือว่ามักจะมีกรรมอย่างหนึ่ง ที่ภาษิตโบราณเรียกว่า หนังไม่ได้รองนั่ง แต่ดันเอากระดูกาแขวนคอ ทำดีกับเพื่อน แต่เพื่อนมักจะเผาเรือนเราเสมอ ทำนองทำคุณกับคนไม่ขึ้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สม รังสี หัวหน้าผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา มีแผนจะเดินทางจากฝรั่งเศสที่ตนไปลี้ภัยอยู่ กลับกัมพูชา โดยผ่านไทย แต่ไทยประกาศไม่ยอมให้ผ่านไทยไปกัมพูชาตามคำร้องขอของ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะเกรงว่าจะไปสร้างความวุ่นวายในประเทศนั้น ถึงกระนั้น ฮุนเซนได้ระดมกำลังทหารปิดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต สะท้อนให้เห็นว่า ฮุนเซนเกรงบารมีของสม รังสี จริงๆ ทั้งที่ตัวเองมีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียวในประเทศ

ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ไปอยู่ต่างประเทศ หากจะเดินทางกลับประเทศตนเอง มีทางเดียวเท่านั้นที่นิยมทำกันคือ ขึ้นเครื่องบินมาลงที่ กทม. แล้วเดินทางต่อทางรถยนต์เข้ากัมพูชาทางด่านปอยเปต เพราะเข้าทางเวียดนามหรือผ่านลาวไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลสองประเทศไม่ยอมให้ผ่านตามคำร้องขอของฮุนเซน อีกประการหนึ่ง การเดินทางผ่านไทยนับว่าเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด ผู้นำฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามกับฮุนเซนที่ลี้ภัยไปอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในฝรั่งเศสที่เป็นเจ้านายเก่า จึงนิยมขึ้นเครื่องบินมาลงที่ไทยและเดินทางต่อเข้ากัมพูชา

ความจริง ฮุนเซนไม่น่าจะเดือดเนื้อร้อนใจกับการเดินทางกลับของสม รังสี มากนัก เพราะสม รังสี ถูกฮุนเซนออกหมายจับหลายใบด้วยข้อหารุนแรง จนอยู่ในกัมพูชาไม่ได้ ต้องหลบลี้หนีภัยไปอยู่ฝรั่งเศส หากสม รังสีเดินทางกลับกัมพูชา น่าจะเป็นการดีเสียอีกที่ฮุนเซนจะได้จับตัวกักขังไว้ได้เพราะมีคดีติดตัวมากมาย แต่ทำไมกลับกลัวสม รังสีจนออกนอกหน้า ถึงกับระดมทหาร ตำรวจ เข้มงวดพรมแดนด้านไทยทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้สม รังสี เล็ดลอดเข้ามาได้

ที่เป็นเช่นนี้เพราะสม รังสี เป็นผู้นำฝ่ายค้านที่มีบารมี และเป็นที่นิยมชมชอบของชาวเขมรที่เบื่อหน่ายฮุนเซนที่ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปีแล้ว จนการเลือกตั้งก่อนครั้งสุดท้ายพรรคของสม รังสี ซึ่งถูกกดดัน ข่มขู่ รังแก นานาประการ อีกทั้งสม รังสี เดินทางจากฝรั่งเศสมาหาเสียงได้ในเวลาจำกัด แต่ได้รับเลือกตั้งด้วยจำนวนที่นั่งซึ่งไม่ห่างจากพรรคของฮุนเซนเท่าไรนัก จนผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองนานาชาติประหลาดใจไปตามๆ กัน เพราะไม่คิดว่า พรรคของสม รังสี จะได้รับความนิยมมากเช่นนั้น ขณะที่สม รังสี คุยโวว่า ที่เขาแพ้เพราะถูกโกง

อย่างไรก็ดี ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดที่ผ่านมาไม่นาน พรรค สม รังสี ได้ที่นั่งน้อยลงเพราะหัวหน้าพรรคไม่อาจมาช่วยหาเสียงได้ เนื่องจากฮุนเซนออกหมายจับไว้หลายกระทง ล้วนแต่เป็นข้อหาฉกรรจ์ทางการเมืองทั้งสิ้น แต่ทำไมครั้งนี้ สม รังสี ถึงหาญกล้าจะเดินทางกลับกัมพูชาทั้งที่รู้ดีว่ากลับเมื่อไรก็โดนฮุนเซนจับขังคุกเมื่อนั้น และทำไมฮุนเซน ถึงกลัวสม รังสี กลับมาจนออกอาการเกินเหตุ

ที่เป็นเช่นนี้เพราะฮุนเซนรู้ด่า คนที่อยู่เบื้องหลังผลักดันให้สม รังสี กลับมาพนมเปญครั้งนี้ คือ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป เนื่องจากไม่พอใจฮุนเซนที่เอาใจจีนเกินไปจนกล่าวกันว่า กัมพูชาปัจจุบันคล้ายกับอาณานิคมของจีนไปแล้ว จึงหนุนสม รังสี ซึ่งเป็นเพียงผู้เดียวที่มีบารมีพอจะต่อกรกับฮุนเซนได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ฮุนเซนระแวงเพราะพอจะรู้บารมีของสม รังสี ในหมู่ชาวเขมรดี ดังนั้น ฮุนเซนจึงต้องทำทุกทางที่จะสะกัดไม่ให้สม รังสี เข้าประเทศ

แม้ว่าหากเข้ามาแล้ว สม รังสี จะถูกควบคุมตัวโดยทันที ไม่มีโอกาสออกไปเคลื่อนไหวหาเสียงได้ แต่ก็จะทำให้ชาวเขมรที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามฮุนเซนไม่พอใจ สำคัญกว่านั้นคือ ทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปจะโหมโฆษณาชวนเชื่อโจมตีฮุนเซนในประเด็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไปทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ฮุนเซนปวดหัวหนักขึ้น จึงตัดไฟแต่ต้นลมก่อน ยอมโดนวิพากษ์วิจารณ์ดีกว่าที่จะให้สม รังสี เข้ามาและถูกจับกุม ที่จะกลายเป็นประเด็นร้อนให้ทั้งคนเขมรและนานาชาติ วิพากษ์วิจารณ์ได้

เมื่อลงที่สุวรรณภูมิไม่ได้ สม รังสี จึงต้องบินตรงไปลงที่กัวลาลัมเปอร์แทน ตามคำเชิญของ ส.ส. มาเลเซียกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้รับการยืนยันจากสภามาเลเซียแล้ว โดยรัฐบาลมาเลเซียสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ว่า มาเลเซียไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชาเพราะนี่เป็นการติดต่อระหว่างภาคประชาชนด้วยกัน

เชื่อว่า ตัวแทนอเมริกันและสหภาพยุโรปคงไปติดต่อกับทางการมาเลเซียไว้ล่วงหน้าและหาทางออกกันไว้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เพิ่งเสร็จสิ้นจากการเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศคู่เจรจาอีก 8 ประเทศ ซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดี และประกาศยืนยันหลักการอาเซียนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน โดยไม่ยอมให้สม รังสี เดินทางผ่านไทยเข้ากัมพูชา ส่วนจะไปเข้าทางไหนก็เป็นเรื่องของสม รังสี และผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังว่ากันเอง

ทำให้นึกย้อนหลังไปก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน เมื่อฮุนเซนมาแสดงไมตรีจิตกับนายกรัฐมนตรีไทยโดยประกาศเสียงดังฟังชัดว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย และไม่ยินยอมให้คนไทยที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์และต่อต้านรัฐบาล คสช. ใช้ดินแดนกัมพูชาเป็นที่หลบซ่อนตัวอีกต่อไป จากนั้นเขาได้ขับคนไทยที่หลบหนีคดีการเมืองที่ไปพำนักอยู่ในกัมพูชาออกจากประเทศ

เมื่อได้รับคำยืนยันตามแผนสกัดสม รังสี ดังที่วางไว้ ฮุนเซนแสดงละครด้วยกระโดดกอดผู้นำไทยชนิดที่ผู้นำไทยตั้งตัวไม่ติดได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยนๆ ไปเลย จนคนดูโทรทัศน์หัวเราะกันครืน

ทำให้นึกย้อนหลังไปก่อนการเลือกตั้งในกัมพูชาที่ฮุนเซนใช้วิธีหาเสียงด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมโดยใช้ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาด้านปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นประเด็น รวมทั้งการปลุกระดมกล่าวหาดาราไทยด่ากัมพูชาจนคนเขมรไปเผาสถานทูตไทยและโรงแรมคนไทยในพนมเปญ ทางการไทยขณะนั้นต้องส่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินโปเชงตงเพื่อรับข้าราชการสถานทูตและคนไทยกลับ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีและประธานอาเซียนขณะนั้น ฮุนเซนเดินทางมาร่วมประชุมด้วยมาดที่แสดงตัวว่าเหนือกว่าผู้นำไทย และรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการประชุมอาเซียนครั้งนั้น รวมทั้งรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ในเวลาต่อมาด้วย

ฮุนเซนได้เปิดตัวชัดเจนถือหางกลุ่มผู้สูญเสียอำนาจในการล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ขณะนั้น โดยสนับสนุนกลุ่มที่ก่อการจลาจลด้วยจัดหาสถานที่ฝึกอาวุธในกัมพูชา จัดส่งอาวุธสงคราม 2 ลำเรือประมงสนับสนุนผู้ก่อเหตุร้ายใน กทม. จัดส่งทหารเขรที่พูดไทยได้มาร่วมปฏิบัติการด้วย จัดหาที่หลบซ่อนตัวในกัมพูชาให้กับผู้ก่อเหตุร้ายที่หลบหนีการจับกุมของทางการไทย ก่อเหตุปะทะบริเวณชายแดนเพื่อนำไปกล่าวหาในคณะรัฐมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติว่าเป็นสงครามชายแดน เพื่อให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง หลังจาก คสช. ยึดอำนาจในปี 2557 เขาได้ให้ที่พำนักหลบซ่อนตัวสำหรับคนไทยที่หลบหนีคดีความมั่นคงและคดีหมิ่นสถาบันสูงสุด จัดส่งผู้ต้องหาตามมาตรา 112 เป็นผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ ยอมให้คนไทยเหล่านี้ใช้ดินแดนกัมพูชาออกอากาศโจมตีสถาบันสูงสุดและ คสช.ตลอดมา และเปิดตัวสนับสนุนกลุ่มที่สูญเสียอำนาจตลอดมา

แต่พอ คสช.ยึดอำนาจในปี 2557 ผู้นำกัมพูชาคนนี้ซึ่งรู้ฝีมือของผู้นำทหารไทยเป็นอย่างดี จึงไม่กล้าตอแยกับไทยอีก อีกทั้งความสัมพันธ์ของเขากับผู้สูญเสียอำนาจของไทยในระยะหลังไม่ค่อยดี แต่ก็ยังแอบยอมให้อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยลักลอบเดินทางออกนอกประเทศผ่านเสียมราช พร้อมกับมอบหนังสือเดินทางการทูตกัมพูชาที่ประทับตราเข้าออกเรียบร้อยแล้วให้ด้วย

ในช่วงเหตุการณ์ปี 2553 ผู้บัญชาการทหารบกที่จัดการ ควบคุมความรุนแรงทางการเมืองไว้ได้ก็คือ คนที่เป็นหัวหน้า คสช.ในปี 2557 และเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ใช่การฟื้นฝอยหาตะเข็บตามที่โบราณพูดกัน คนไทยให้อภัยเสมอแต่เจ็บแล้วต้องจำ ภาษิตโบราณที่ว่ารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจยังใช้ได้เสมอ ความจริงก็น่าเห็นใจผู้นำกัมพูชาเพราะข้อตกลงลับแบ่งปันผลประโยชน์ในอ่าวไทยนั้นมหาศาล อีกทั้งมีนักการเมืองไทยไปกราบไหว้อย่างอ่อนน้อม ซ้ำยังเอาพระสยามเทวาธิราชองค์จำลองไปมอบให้ ยอมให้กัมพูชาประกาศเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว ฮุนเซนก็ต้องช่วยกันจนสุดฤทธิ์ จนกระทั่งมาเจอคนจริงเช่นนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันที่รู้ฤทธิ์เดชกันมาแล้ว เราหวังว่า ตั้งแต่นี้ไป ผู้นำกัมพูชาจะยึดหลักการอาเซียนว่าด้วยการไม่แทรกแซงกิจการภายในอย่างเคร่งครัด