posttoday

บทบาท'บิ๊กตู่'บนเวทียูเอ็น

26 กันยายน 2562

ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

**********************************

ระหว่างวันที่ 21-27 กันยายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องไปประชุมที่สหรัฐอเมริกา โดยเริ่มจากการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นิวยอร์ค ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ นี่เป็นเวทีเดียวกับที่คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ไปร่วมประชุมและถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

การเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติในปีนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ แตกต่างจากปีก่อนๆ เพราะครั้งนี้ท่านไปในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากความเห็นชอบของรัฐสภา ใครจะมาดูถูกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเผด็จการเหมือนก่อนไม่ได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าประชุมสหประชาชาติเสร็จแล้วก็บินกลับทันที เพราะนายกรัฐมนตรีมีวาระที่ต้องเข้าร่วมประชุมสำคัญที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งในฐานะผู้นำของไทยและประธานอาเซียน เช่น การประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน การประชุมผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อทบทวนและติดตามผลการอนุมัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ที่ผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยได้รับรองเมื่อปี 2558

โดยผู้นำไทยในฐานะประธานอาเซียนปีนี้จะกล่าวถ้อยแถลงในนามของอาเซียน นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะพบกับสภาธุรกิจสหรัฐอาเซียน โดยจะใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอเมริกันต่อศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยการปฏิรูปด้านภาษีศุลกากรเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้มาทำธุรกิจในไทย จุดแข็งของ อี.อี.ซี. ที่เชื่อมโยงไปอนุภูมิภาคต่างๆ

คนที่เหนื่อยที่สุด คงไม่พ้น นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีต่างประเทศและข้าราชการกระทรวงทั้งที่อยู่ในสหรัฐและที่กระทรวงใน กทม. ท่านเหล่านี้เป็นคนที่อยู่หลังฉาก เหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมงานให้กับผู้นำประเทศ ทุกอย่างต้องเรียบร้อยก่อนนายกรัฐมนตรีเดินทางไปและตลอดการประชุมทุกรายการ นายดอน เป็นคนที่พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ใจมากที่สุดในเรื่องเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ทั้งที่นายดอนอยากวางมือหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานนี้มาตลอดห้าปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเหนื่อยเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไปในระยะเปลี่ยนผ่านที่การต่างประเทศมีบทบาทสำคัญมากนำเรื่องอื่นๆ

ดังนั้น เมื่อผู้นำประเทศ (ไม่ว่าคนใดก็ตาม) ไปประชุมในต่างประเทศ คนในบ้านโดยเฉพาะฝ่ายค้านทั้งในและนอกสภาต้องยุติการโจมตีไว้ชั่วคราวเพราะเขาเป็นตัวแทนประเทศชาติไปทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ว่า เราส่งนักมวยของเราขึ้นเวทีไปต่อย แล้วคนไทยคอยดึงแข้งดึงขา แล้วนักมวยไทยจะชนะได้อย่างไร ชอบหรือไม่ชอบ คนไทยต้องเชียร์นักมวยไทยให้ชนะก่อน พอกลับมาแล้วค่อยซัดกันใหม่

ที่นิวยอร์ค พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยที่มาให้กำลังใจอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขณะที่ไม่มีภาพและข่าวของกลุ่มเสื้อแดงทั้งที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่านัดหมายกันจะมานิวยอร์คเพื่อต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ เช่นครั้งก่อนๆ ที่มีคนเสื้อแดงในนิวยอร์คและที่บินมาจากรัฐอื่นมารวมตัวกันต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ มีเพียงป้ายเล็กๆ ในพื้นที่โฆษณาเหนืออาคารเล็กๆ แห่งหนึ่งบนถนนที่ขบวนรถนายกรัฐมนตรีจะผ่านไปยังตึกสหประชาชาติ และคนที่เดินผ่านไปมาเห็ดได้ชัดเจน มีข้อความภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยได้ว่า “อย่าปล่อยให้ประชาธิปไตยตายในประเทศไทย” และมีป้ายโฆษณาบนพื้นว่า “คืนประชาธิปไตยให้ประเทศไทยเดี๋ยวนี้ เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ผู้เช่าพื้นที่ เป็นองค์กรบังหน้าแห่งหนึ่งของกลุ่มต่อต้านไทยในสหรัฐ

ดูเหมือนว่า พลังกลุ่มต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในและนอกประเทศขณะนี้อ่อนแอกันไปหมด ส่วนหนึ่งอาจเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ตัน จะทำอะไรก็ดูติดขัดไปหมดตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง แกนนำนอกสภาที่เคยก่อความไม่สงบทางการเมืองก็ทยอยกันชดใช้กรรม แม้บางคดีใช้เวลานานถึงสิบปีกว่าจะมีการตัดสิน แต่สุดท้ายคนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ

ในวันที่ 27 กันยายน 2562 นายกรัฐมนตรีก็จะกลับมา เป็นที่สังเกตว่า ในต่างประเทศ เวลาผู้นำของเขากับมาจากปฏิบัติหน้าที่หรือไปประชุมในต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวจะรุมถามผลการไปทำงานครั้งนี้ได้อะไรกลับมาบ้าง เพราะการเดินทางไปราชการหรือไปประชุมต่างประเทศแต่ละครั้งประชาชนต้องเสียภาษีจำนวนมากให้ผู้นำและคณะไปทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ดังนั้น เมื่อกลับมาประชาชนก็อยากรู้ว่า ผู้นำได้อะไรมาฝากประชาชนบ้าง และผู้นำของเขาก็อยากที่จะเล่าให้ฟังว่า ที่ไปประชุมครั้งนี้ ประเทศได้อะไรบ้าง เขาไปทำอะไรมาบ้าง

แต่กรณีของประเทศไทยนั้น เมื่อผู้นำไทยกลับจากปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ มีน้อยมากที่ผู้สื่อข่าวจะซักถามว่า ท่านไปประชุมคราวนี้ได้ทำอะไรมาบ้าง ประเทศชาติจะได้อะไรบ้าง ท่านมีอะไรจะบอกให้ประชาชนทราบจากการไปประชุมครั้งนี้บ้าง แต่ส่วนใหญ่มักถามว่า ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างนั้นอย่างนี้ คนนั้นพูดอย่างนั้น คนนี้กล่าวอย่างนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง ฯลฯ บ่อยครั้ง ผู้นำไม่มีโอกาสที่จะแถลงผลการประชุมในต่างประเทศที่เตรียมไว้ เพราะต้องคอยตอบคำถามการเมืองภายในระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่แทน ผู้นำต้องหาโอกาสอื่นในการแถลงชี้แจงผลงานที่ไปประชุมมา พล.อ.ประยุทธ์ เคยใช้คืนวันศุกร์ชี้แจงสรุปผลงานในประเทศและต่างประเทศรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้นำคนอื่นอาจไม่มีโอกาสชี้แจง หรือต้องให้โฆษกแถลงแทนหรือออกเป็นคำแถลงของรัฐบาล แต่ประชาชนอยากฟังผู้นำพูดเองตอบเองมากกว่า

แม้ว่า กระทรวงต่างประเทศจะช่วยแถลงเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวประจำกระทรวง แต่ข่าวจากกระทรวงก็มักไม่ถูกนำมารายงานสู่ประชาชนในสื่อหลัก หรือปรากฎน้อยมาก ทั้งที่ข่าวที่กระทรวงต่างประเทศชี้แจงนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะสรุปได้ชัดเจนตรงประเด็นที่สุด

คนที่เคยได้ติดตามนายกรัฐมนตรีไปประชุมในต่างประเทศ เคยสังเกตเห็นว่า ระหว่างที่อยู่ในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีจะได้รับสรุปรายงานสถานการณ์ในประเทศว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างที่ท่านไม่อยู่ ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีอาจถูกถามเมื่อกลับมา ถ้ามีข่าวสำคัญล่าสุด ก็ต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบก่อนที่ท่านจะให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวที่สนามบิน ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีอาจได้รับรายงานสถานการณ์และประเด็นที่ผู้สื่อข่าวอาจถามสะดวกและรวดเร็วขึ้นผ่านไลน์หรือช่องทางอื่นทางสื่อดิจิทัล

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับจากการประชุมครั้งนี้ เราในฐานะประชาชนอยากเห็นผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ท่าน (จะเป็นที่สนามบิน หรือที่ทำเนียบรัฐบาลก็ตาม) ถึงผลการประชุมและงานที่ท่านไปทำครั้งนี้เพื่อรายงานให้ประชาชนทราบว่า ท่านไปทำอะไรมาบ้าง ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง เชื่อว่าท่านคงมีเรื่องจะเล่าให้ฟังมากมายถึงผลงานที่ท่านได้ทำในสหรัฐอเมริกา (เวลานี้ ท่านยังไม่มีช่วงเวลาคืนวันศุกร์ที่จะสื่อถึงประชาชนโดยตรง)
หากมีประเด็นการเมืองในประเทศ ค่อยซักถามท่านในลำดับต่อมาก็ได้