posttoday

รัฐบาลใหม่กับนักการเมืองรุ่นใหม่

18 กรกฎาคม 2562

ก่อนหน้านี้มีการแย่งกระทรวงกันอย่างน่าเกลียดชนิดไม่เกรงใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นักการเมืองอยากได้กระทรวงดังกล่าวมีประวัติเรื่องทุจริตอย่างมโหฬารมาแล้ว

ก่อนหน้านี้มีการแย่งกระทรวงกันอย่างน่าเกลียดชนิดไม่เกรงใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นักการเมืองอยากได้กระทรวงดังกล่าวมีประวัติเรื่องทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารมาแล้ว

********************

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกวิจารณ์ค่อนข้างมาก เราไม่ต้องพูดถึงพรรคฝ่ายซึ่งอย่างไรเสียก็ต้องหาเรื่องวิจารณ์อยู่แล้ว ที่สำคัญเป็นเสียงวิจารณ์จากสื่อและคนทั่วไปที่สนใจการเมือง เนื่องจากมีรัฐมนตรี “สีเทา”ที่มีประวัติเสียหายหลายคนเข้ามาร่วมด้วย

น่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้าเป็นรัฐมนตรี คสช. ท่านสามารถเลือกรัฐมนตรีได้ด้วยตนเอง จะบริหารงานกระทรวงเก่งหรือไม่ก็มาจากการเลือกของท่าน แต่ครั้งนี้ เมื่อเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่พรรคของท่านไม่ได้เสียงข้างมาก ต้องเป็นรัฐบาลผสม ซ้ำยังต้องกวาดเอาพรรคที่มี ส.ส.เพียง 1-2 คนมาร่วมด้วยเพื่อป้องกันพรรคฝ่ายค้านมาดึงตัวไป รัฐบาลใหม่จึงมีหน้าตาแบบนี้ จะหวังพึ่งหัวหน้าพรรคให้กลั่นกรองมาชั้นหนึ่งก่อนก็ไม่ได้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว พรรคอื่น ๆ ต่างก็มี “ผู้มีอำนาจเหนือหัวหน้าพรรคที่ส่ง “คนของตน”เข้ามาและมีใบสั่งประกบด้วยว่า “ต้องได้”สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้ก็คือ คนที่ “เหลือรับ”จริง ๆ ก็ต้องขอให้ลูกหรือญาติพี่น้องมาเป็นแทน ส่วนคนที่มี “พลัง”จริง ๆ ท่านก็ไปแตะเขาไม่ได้

พรรคอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรหรือมีน้อยเพราะหัวหน้าพรรคหรือผู้มีอิทธิพลในพรรค“สั่งการ”ได้ เห็นจะมีก็แต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นี่แหละที่วุ่นวายมากที่สุดและมีการ “ทดสอบพลัง”กันตั้งแต่การเลือกประธานสภากันแล้ว มีการแย่งกระทรวงกันอย่างน่าเกลียดชนิดที่ไม่เกรงใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นักการเมืองที่อยากได้กระทรวงดังกล่าวก็มีประวัติเรื่องทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารมาแล้วในอดีตที่ประชาชนยังจำได้แม่น แม้ตกลงกันได้ในที่สุดแต่ก็มีรอยร้าวอยู่ในใจ

นายกรัฐมนตรีจึงเป็นคนที่ควรจะได้รับความเห็นใจมากที่สุด เพราะต้องรับผิดชอบกลั่นกรองขั้นสุดท้ายก่อนนำขึ้นทูลเกล้าถวาย ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีต้องขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนที่กรอกแบบฟอร์มประวัติของตนเองซึ่งอาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ประชาชนต้องตามดูต่อไปว่า แม้กรอกประวัติว่าตนเป็นคนดีไม่มีเรื่องเสียหาย แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่า “สันดอน”ขุดได้ แต่ “สันดาน”น่าจะขุดไม่ได้ เรื่องนี้ก็ต้องดูกันต่อไปชนิดต้องไม่กระพริบตาทีเดียว

ทุกถ้อยคำที่รัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 มีความหมายอย่างยิ่ง และกฎหมายสูงสุดของประเทศต้องการให้รัฐมนตรีกระทำตามที่ถวายสัตย์ปฏิญาน

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาน) ขอถวายสัตย์ปฏิญานว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า “ให้พร ให้ท่านมีกำลังใจ ความมั่นใจ และความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศ และประชาชน งานใด ๆ ก็ต้องมีอุปสรรค งานใด ๆ ก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน เพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์ โดยแก้ปัญหาให้ตรงเป้าตรงจุด และมีความเข้มแข็งอดทน ขอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาล ได้มีกำลั้งใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี ด้วยความถูกต้องต่อไป”

พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยแทนปวงชนชาวไทยซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจ สำหรับด้านการบริหารประเทศนั้น ได้กระทำผ่านคณะรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพรและกำลังใจให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ให้ทำงานสำเร็จตามที่ได้ปฏิญานไว้ เพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศและประชาชน รัฐมนตรีทุกท่านต้องน้อมนำเอาพระราชดำรัสใส่ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป

นี่เป็นรัฐบาลแรกจากการเลือกตั้งภายใต้รัชกาลใหม่ ดังนั้น รัฐบาลต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ทำให้ประเทศมีความมั่นคงและประชาชนมีความสุขจงได้

สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ให้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ คือ การทุจริตคอรัปชั่น นายกรัฐมนตรีคนที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยมีประวัติเสียหายในเรื่องนี้ไม่ว่าทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน รัฐบาลประยุทธ์สมัย คสช.มีเรื่องราวเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือ หรือข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ดี คนไม่เชื่อว่ารัฐบาลผสมจากการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์จะสะอาดบริสุทธิ์เพราะหลายคนมีมลทิน แม้นายกรัฐมนตรีจะกำชับอย่างเข้มงวดไม่ให้มีการคอรัปชั่นเกิดขึ้น แต่อาจมีความพยายามที่บางพรรคการเมืองพยายามสะสมเสบียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะมีความเชื่อกันว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน

หลายคนเตือนไว้ว่า ถ้ารัฐบาลประยุทธ์จากการเลือกตั้งมีข่าวเสียหายเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเมื่อไร รัฐบาลก็พังเมื่อนั้น

นอกเหนือจากการตรวจสอบโดยพรรคฝ่ายค้านซึ่งทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายแค้น”มากกว่าแล้ว สื่อมวลชนและประชาชนซึ่งสามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเอง ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจริงจังต่อรัฐบาลและนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้าไป และต้องหาทางป้องกันไม่ให้นักการเมืองทุจริตคอรัปชั่นไม่ว่ารูปแบบใด

เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีโครงการขนาดใหญ่มากมายมูลค่ารวมหลายล้านล้านบาท เงินเหล่านี้เป็นภาษีของประชาชนทั้งสิ้น ประชาชนเจ้าของภาษีที่ยินดีจ่ายภาษีเพื่อนำไปพัฒนาประเทศ จะไม่ยอมให้เงินของตนแม้แต่บาทเดียวถูกยักยอกเข้ากระเป๋านักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดเป็นอันขาด สื่อและประชาชนต้องช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีสอดส่องดูแลรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ด้วย

ถามว่า แล้วเราจะคอยดูรัฐมนตรีคนไหนเป็นกรณีพิเศษ คำตอบเบื้องต้นคือ จับตาดูรัฐมนตรีที่มีประวัติทุจริตคอรัปชั่นไว้ก่อน เพราะของที่เคยกินมาแล้วมันคงอดไม่ได้หากมีโอกาส ดังนั้น อย่าเปิดโอกาสให้ นอกจากนั้น ให้จับตาดูรัฐมนตรีที่บริหารกระทรวงที่มีงบประมาณมากโดยเฉพาะโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

สื่อมวลชนและประชาชนต้องทำหน้าที่เป็น “หมาเฝ้าบ้าน” ทั้งหมาแก่ หมาหนุ่ม หมาสาว ลูกหมา ต้องคอยเฝ้าดูและเห่าไม่ให้ขโมยแอบมายักยอกงบประมาณจากภาษีของประชาชนเข้าพกเข้าห่อและเข้าพรรค เวลานี้เรามีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ คือ สื่อดิจิตัล ที่นักการเมืองกลัว ถ้าเราใช้เครื่องมือนี้อย่างได้ผล ก็สามารถป้องกันหรือลดการทุจริตคอรัปชั่นได้ แต่ถ้าประชาชนไม่สนใจ หลังเลือกผู้แทนแล้วกลับไปนอนหลับต่อ ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเลือกตั้งครั้งใหม่เพื่อรับเงิน เวลานั้น บ้านที่เรียกว่าประเทศไทยอาจเหลือแต่เสาก็ได้ ส่วนประชาธิปไตยที่เราต้องการก็คงเป็นเพียง “ประชาธิปไตยเศษสตางค์”ตามที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เคยพูดไว้เท่านั้น