posttoday

รอยร้าวในฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อไทย-ก้าวไกล ชิงนำม็อบ ขอแต้มเลือกตั้งครั้งหน้า

29 สิงหาคม 2563

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

***************

ขณะที่รัฐบาลเผชิญกับกระแสคัดค้านรุมเร้า ปัจจัยนอกสภาม็อบนักศึกษาเรียกร้องให้แก้ไขรธน. ปัญหาเศรษฐกิจผลกระทบจากโควิด

แต่พรรคฝ่ายค้านเองก็ปรากฎรอยร้าวหนักจากศึก 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายประชาธิปไตย พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ที่กำลังแย่งซีนการนำ “มวลชนนอกสภา”

แกนนำสองพรรคให้สัมภาษณ์ตอบโต้รุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นการแก้ไขรธน. ที่ขัดแย้งกัน ลามไปถึงกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย กลายเป็นความหวาดระแวง บั่นทอนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านกันเอง

ฝ่ายพรรคก้าวไกลแคลงใจ พรรคเพื่อไทย สู้ไม่จริง พรรคเพื่อไทยก็โจมตีกลับไปว่า ก้าวไกลเล่นการเมืองแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ทำการเมืองแบบหล่อคนเดียวหวังเอาใจม็อบนักศึกษา แถมยังแอบไปเปิด "ซุปเปอร์ดีล" หลอกเพื่อนและเอาตัวรอด

ประเด็นที่ทั้งคู่เห็นขัดแย้งมี 2 เรื่อง 1.การยื่นญัตติแก้ไขรธน. พรรคเพื่อไทยชิงนำมติฝ่ายค้าน 7 พรรคที่เคยมีพรรคก้าวไกลร่วมลงมติด้วย เสนอร่างแก้ไขรธน.มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีสภาร่างรธน. รื้อรธน.ทั้งฉบับ แต่พรรคก้าวไกลมาขอถอนชื่อ สส. ในนาทีสุดท้าย อ้างว่าไม่เห็นด้วยกับการยื่นแก้ไขรธน.ตามมติเดิม แต่ควรจะยื่นแก้เพิ่มประเด็นปิดสวิชท์ ส.ว. ด้วยการตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะส.ว.คือ กลไกสืบทอดอำนาจ

แต่พรรคเพื่อไทย สวนกลับพรรคก้าวไกล ว่า ยังไม่ควรแตะหรือยุ่งเกี่ยวกับอำนาจ ส.ว. ในขณะนี้ แต่ควรให้ สสร.ไปยกร่างรธน.ใหม่เองถึงจะเหมาะสมว่าจะแก้ประเด็น ส.ว.หรือไม่ พร้อมกับอ้างว่า การจะแก้ไขรธน.ให้สำเร็จได้ ต้องพึ่งเสียง ส.ว.ลงมติ ตามกฎในรธน.ที่ว่า ต้องมี ส.ว.อย่างน้อย 1 ใน 3 ของสว.หรือ 84 คน ลงชื่อสนับสนุนการแก้ไขด้วย หากแก้แบบพรรคก้าวไกล จะไม่สำเร็จ สุดท้ายจะไม่ได้อะไรซักอย่างจากการแก้ไขรธน.

อีกประเด็น คือ 2. การที่พรรคเพื่อไทยชิงไปยื่นญัตติขอให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้รัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ และกระแสต่อต้านนอกสภา หรือ “กระทู้หมู่” ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่พรรคก้าวไกลคาใจ ทำไมไม่หารือกันก่อน นัยว่า นี่อาจเป็นแผนซูเอี๋ยกับรัฐบาลเปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเคลียร์ตัวเองทั้งที่คะแนนนิยมรัฐบาลตกต่ำเลยจุดให้ต้องใช้สภามาเป็นเครื่องฟอก

ปรากฎการณ์ร้าวลึกทั้งสองเหตุการณ์ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ 2 พรรคก็เคยพาดพิง โจมตีกัน เมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปลายปีที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่เดิมก่อนถูกยุบเป็นพรรคก้าวไกล เห็นว่า ต้องมีการยื่นซักฟอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย จนเรื่องบานปลาย สุดท้ายพรรคเพื่อไทยถอย ยอมให้ยื่นซักฟอก “บิ๊กป้อม” แต่ในการอภิปรายจริง ฝ่ายค้านก็ไม่ได้อภิปรายเพราะเวลาหมด เล่นเอา ปิยบุตร แสงกนกสกุล แกนนำพรรค ฉุนกึก กล่าวหาพรรคเพื่อไทยล้มมวย ใช้เทคนิค ถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ สส. อนาคตใหม่ได้พูด เป็นแผนสับขาหลอก หวังช่วย “บิ๊กป้อม” ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีใบสั่งจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ห้ามเพื่อไทยอภิปราย “บิ๊กป้อม” โดยลือไปถึงดีลลับบางประการ

ต้องยอมรับว่า ทั้งสองพรรค แม้จะมีฐานมวลชนก้อนเดียวกัน คือ กลุ่มคนไม่เอารัฐบาล และการรัฐประหาร แต่ความฝันและเป้าหมายของสองพรรคไม่เหมือนกัน พรรคก้าวไกลไปไกลสนับสนุนให้เปิดพื้นที่คุยวาระปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ส่วนพรรคเพื่อไทยประกาศชัดไม่ขอแตะ ข้อเรียกร้อง 10 ข้อของนักศึกษาที่ให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ขีดเส้นแค่เปลี่ยนรัฐบาลคสช. กองทัพต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

เมื่อเป้าหมายแตกต่าง ยุทธวิธีจึงแตกต่าง

พรรคเพื่อไทยมองว่า การรบกับคสช.ต้องใช้เกมยาว ยืดหยุ่น มีหนักมีเบา ค่อยๆเก็บแต้มอย่างน้อยก็รอชนะคะแนนได้ ต้องประนีประนอมกับผู้มีอำนาจ ถือบทเรียนอยู่ในสนามการเมืองมาก่อน 20 ปี ถูกยุบพรรค 2 ครั้ง พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน และถูกยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง แต่หลังยึดอำนาจพรรคทักษิณก็กลับมาชนะเลือกตั้งทุกครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องรบแตกหัก

พรรคก้าวไกล อนาคตใหม่เดิม เพิ่งกำเนิดมาได้ 2 ปีเศษ นำอุดมการณ์ซ้าย เป็นวัยรุ่น ดุดัน เลือกรบแบบแตกหักกับชนชั้นนำ มองยุทธวิธี ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เมื่อกระแสม็อบเยาวชนกำลังลุกฮือ เป็นปรากฎครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี นับจาก 14 ตุลา 2516 จึงหวังจะน็อครัฐบาลให้ได้

แต่ทั้งคู่เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ต่างต้องการชิงความเป็นเจ้าของมวลชนม็อบนักศึกษาที่เบ่งบานทั่วแผ่นดิน เพื่อเป็นแรงส่งไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้ขาดการได้เป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ไม่นับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งนายกฯ อบจ. และผู้ว่าฯ กทม. ที่จะเกิดขึ้นเร็ววันอีก

การเลือกตั้งครั้งหน้า จะอยู่ภายใต้กติกา รธน.ใหม่ที่จะยกร่างโดย สสร. คาดว่า ระบบเลือกตั้ง จะเปลี่ยนกลับมาใช้แบบบัตรเลือกตั้งสองใบ ตามผลสรุปของคณะกรรมธิการศึกษาประเด็นแก้ไขรธน.ที่สภาฯตั้งขึ้น คือ มีระบบปาร์ตี้ลิสต์ หากเป็นเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยจะกลับมาได้เปรียบ

สิ่งสำคัญหากแก้รธน. ริบอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ สำเร็จ พรรคเพื่อไทย เลี้ยงกระแสดีๆ โอกาสชนะเลือกตั้ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีสูง ถ้าคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ยังยึดเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยได้ ก็อาจทำฝันสำเร็จ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแน่

การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ 136 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ได้ 80 ที่นั่ง แต่ก็ถูกปรามาสว่า โตได้ก็เพราะส้มหล่นจากการเดินเกมผิดพลาดของนายใหญ่ที่ใช้ยุทธวิธีแตกแบงค์พัน ที่สุดถูกศาลรธน.ยุบพรรคไทยรักษาชาติ พรรคสาขา ที่เสนอชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ชิงนายกฯ พรรคอนาคตใหม่จึงได้คะแนนส่วนนี้ไป แต่หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ คะแนนสงสารก็เห็นใจธนาธรท่วมท้น ปรากฎการณ์นักเรียน นักศึกษา ที่ออกมาชุมนุมคับคั่งจนเกิดข้อเรียกร้องมาไกลถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นผลพวงจากการปลุกกระแสของธนาธร-ปิยบุตร จนประสบความสำเร็จ แต่พรรคเพื่อไทยก็ขอโหนม็อบด้วย เพราะการชุมนุมช่วงหลังได้ขยายแนวร่วมเป็น “ประชาชนปลดแอก” จึงมีมวลชนเสื้อแดงออกมาร่วม

หากประเมินวันนี้ พรรคก้าวไกล อาจได้คะแนนเบียดพรรคเพื่อไทยอย่างน้อย กลุ่มเยาวชน first vote ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก ก็จะเลือกพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีจุดอ่อนเพราะไม่มีฐานเสียงจากวัยรุ่น แต่ถ้าจะชนะเลือกตั้ง ต้องรักษาฐานเสียงเดิมกลุ่มรากหญ้า ชาวบ้านต่างจังหวัดไว้ให้ได้ ส่วนพรรคก้าวไกล ได้พลังคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศก็จริง แต่ก็ยังไม่พอ ต้องขยายมวลชนจากกลุ่มอาชีพ คนรุ่นกลางอีก โดยเฉพาะถ้าต้องกลับมาเลือกตั้งระบบเดิมมีปาร์ตี้ลิสต์ด้วยแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย ไม่ใช่งานง่ายของพรรคก้าวไกล

กระนั้น เส้นทางกว่าจะถึงการเลือกตั้งเชื่อว่า อีก 1-2 ปี หลังร่างรธน.ใหม่เสร็จ ยังมีจุดเปลี่ยน ตัวแปร อีกมาก แต่อย่างน้อยม็อบต้านรัฐบาลยังอยู่แบบแฟลชม็อบ คอยประกับรัฐบาลบิ๊กตู่อย่างนี้อีกยาวจนยุบสภาเลือกตั้งใหม่

ผลคะแนนนิยมในแต่ละช่วงอาจสะท้อนผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นที่พอจะวิเคราะห์ว่า การนำม็อบนักศึกษาของเครือข่ายพรรคก้าวไกล จะเก็บแต้มเป็นคะแนนเลือกตั้งได้หรือไม่ ถ้าขยายแนวร่วมไปสู่ชนชั้นกลาง ชั้นล่างที่ไม่พอใจรัฐบาลจากปัญหาเศรษฐกิจ สุดท้ายปัจจจัยเหล่านี้จะหนุนให้พรรคก้าวไกลชนะพรรคเพื่อไทยแบบเหนือความคาดหมาย และอาจเซอร์ไพรส์ไปถึงการเป็นแกนนำรัฐบาล

ประเด็นสำคัญ ฝ่ายประชาธิปไตย พรรคใดระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล จะครองใจม็อบได้มากกว่ากัน เชื่อว่าจากนี้อาการขบเหลี่ยมสองพรรคจะมากขึ้น เพราะถ้าไม่ตีปี๊บ ชิงคะแนนจากม็อบให้ได้ เก้าอี้สส.ของสองพรรคก็จะหลุดหายไปด้วย

********************