posttoday

ยิ่งตั้งรัฐบาลช้า..ยิ่งดีกับบิ๊กตู่

27 มิถุนายน 2562

ช้าๆได้พร้าเล่มงาม"บิ๊กตู่"ไม่เร่งตั้งรัฐบาล เกมดึง"อำนาจ-ม.44"อยู่ในมือให้นานที่สุด

ช้าๆได้พร้าเล่มงาม"บิ๊กตู่"ไม่เร่งตั้งรัฐบาล วางเกมดึง"อำนาจ-ม.44"อยู่ในมือให้นานที่สุด

การตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัย 2 ถึงนาทีนี้ ก็ยังไม่เสร็จสิ้น ท่ามกลางการรอคอยของภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ที่อยากเห็นหน้าตารัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาลใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะได้สร้างความมั่นใจและการวางแผนการลงทุนในอนาคตเสียที ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.2562 จวบจนถึงปัจุบัน วันที่ 27 มิ.ย.2562 รวม 3 เดือน 3 วัน เข้าไปแล้ว

ทั้งนี้มีหลายฝ่ายสงสัยทำไม จนถึงขณะนี้ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ ถึงยังตั้งรัฐบาลไม่เสร็จสิ้น ทั้งที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้จัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่11 มิ.ย. ที่ผ่านมา และโผการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็นิ่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่รีบร้อน ที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้จบ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีทั้ง35 คน และยืนยันว่า กลางเดือนหน้าจะได้รัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งหากพิเคราะห์คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ แล้ว คำว่า"กลางเดือนหน้าจะได้รัฐบาลนั้น"น่าจะยังไม่รวมถึงขั้นตอนการแถลงนโยบายรัฐบาล ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง คืออย่างน้อยอีก 15 วัน ถึงจะทำให้รัฐบาลใหม่สามารถเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์

ยิ่งตั้งรัฐบาลช้า..ยิ่งดีกับบิ๊กตู่

หากว่ากันตามข้อเท็จจริง การจัดตั้งรัฐบาลในอดีตนั้น เมื่อได้ตัวนายกรัฐมนตรี แล้ว จะมีการเร่งจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและรีบแถลงนโยบายรัฐบาล เพื่อเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินโดยเร็วที่สุด ไม่มีการปล่อยให้คาราคาซังเหมือนอย่างในปัจจุบัน เพราะถ้าหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะทำให้เกิดปัญหากับรัฐบาลได้ ยิ่งเป็นรัฐบาลผสม จะมีการเคลื่อนไหวแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีกันในแต่ละพรรคการเมือง รวมถึงแรงกดดันจากภาคเอกชนต่างๆ เพราะจะทำให้กระทบกับการลงทุน ซึ่งดีไม่ดีอาจทำให้รัฐบาลล่มได้

ทว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เพราะยิ่งตั้งรัฐบาลช้าเท่าไหร่ ก็จะยิ่งผลดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ มากเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ชุดที่มาจากการยึดอำนาจ นั้น ยังมีอำนาจอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการณ์เหมือนอย่างในอดีต และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถใช้มาตรา 44 ได้ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามารับหน้าที่

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการตั้งรัฐบาล เพราะการอยู่ในรัฐบาลชุดเดิม ย่อมมีอำนาจมากกว่า จะอนุมัติงบประมาณโครงการบิ๊กๆอะไรก็ทำได้ เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลมาคัดค้านหรือแบ่งเค้ก เหมือนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งกำลังรอการจัดตั้งรัฐบาลกันอยู่ เนื่องจากต้องแบ่งกระทรวงความรับผิดชอบไปให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆไปบริหารจัดการการแทน ซึ่งกว่าจะผ่านแต่ละเรื่อง แต่ละโครงการต้องออกแรงชี้แจงกันจนเหงื่อตก หรืออาจจะถูกตีตกไปเลยก็เป็นได้

นอกจากนี้การมี มาตรา44 อยู่ในมือเสมือนเป็นดาบวิเศษ ย่อมทำให้อำนาจไม่ลดลง อีกทั้งการยังอยู่ในรัฐบาลชุดเดิม ก็จะปลอดภัยจากการถูกตรวจสอบในสภา เพราะไม่จำเป็นต้องไปตอบกระทู้ถามสด หรือญัติในสภา ซึ่งฝ่ายค้านจองกฐินกันอยู่ในเวลานี้ รวมถึงยังจะได้อานิสงส์ในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีไปในตัวด้วย เนื่องจากผู้ที่เป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี จะถูกตรวจสอบดิสเครดิต จากบุคคลภายในและภายนอก รวมถึงการยื่นให้องค์กรอิสระวินิจฉัย อย่างกรณีว่าที่ 4 รัฐมนตรี ที่ถือหุ้นสื่อ หากมีปัญหาก็อาจต้องปรับเปลี่ยนก่อนเป็นรัฐมนตรี โฉมหน้าครม.จะได้หมดจดไม่ตกเป็นครม.เต้าหู้ยี้

ฉะนั้นการปล่อยให้ล่าช้าไม่เร่งตั้งรัฐบาล "บิ๊กตู่"มีแต่ได้กับได้ แต่หากตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเมื่อใดอำนาจ"บิ๊กตู่"จะลดลงทันที ไม่มีมาตรา 44 มาคุ้มกัน ถึงเวลานั้น"บิ๊กตู่"จะต้องถูกตรวจสอบเต็มที่ ส่วนจะอดทนอดกลั้นได้แค่ไหน อีกไม่นานรู้กัน