posttoday

ปิดเกม!!!ขั้วที่ 3 คืนชีพ

31 พฤษภาคม 2562

ชทพ.แถลงตัดหน้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐปิดเกมขั้วที่3ต่อรองบีบ"ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย"โหวต"บิ๊กตู่"ก่อนคุยแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ชทพ.แถลงตัดหน้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐปิดเกมขั้วที่3ต่อรองบีบ"ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย"โหวต"บิ๊กตู่"ก่อนคุยแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ทันทีที่พรรคชาติไทยพัฒนา ภายใต้การนำของ"กัญจนา ศิลปอาชา"หรือ"ลูกนา"แถลงเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการทำให้ความพยายามที่จะฟื้นขั้วที่ 3 ของพรรคประชาธิปัตย์มาจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหมดลงไปทันที

ทั้งนี้เนื่องจากขั้วที่ 3 นั้นหากลุ้นชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องรวมเสียงของ 4 พรรค ซึ่งประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ 53 เสียง พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง และพรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง รวมกันเป็น 117 เสียง  โดยจะต้องมารวมกับขั้ว7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ซึ่งรวมกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว 246 เสียง แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าอนาคตใหม่ อยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่ศาลสั่งจึงเหลือเพียง 245 เสียง และ เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้ว จะมีเพียง 362 เสียง ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งของ 750 เสียงที่เป็นองค์ประชุมในการโหวตนายรัฐมนตรี จึงต้องไปหวังน้ำบ่อหน้าจากเสียงส.ว.อีกประมาณ15-20 เสียง เพื่อให้ได้เสียงเกิน375 เสียงขึ้นไปถึงสามารถพลิกขั้วที่3 ขึ้นเป็นนายกฯได้

ทั้งนี้หากว่ากันตามจริงแล้ว ความหวังในการจะพลิกขั้วที่ 3 ตามแนวทางนี้จะยากเย็นแสนเข็ญแล้ว  แต่เมื่อพรรคชาติไทยพัฒนา ประกาศไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเสียแล้ว โอกาสที่จะลุ้นขั้วที่ 3 ยากขึ้นเท่าตัว คงต้องจบลงโดยปริยาย เพราะขณะนี้ทางพรรคพลังประชารัฐสามารถรวมเสียงได้เกิน 375 เสียงแล้ว คือ ส.ว.250  พรรคพลังประชารัฐ116เสียง พรรคเล็ก12 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย5 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 และล่าสุดพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 10 เสียงรวมกัน  ถึง 398 เสียงซึ่งถือว่ามากพอที่โหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯโดยที่ไม่ต้องใช้เสียงของพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเลย และยังไม่นับรวมงูเห่าจากประชาธิปัตย์อีก ที่ทางพลังประชารัฐเชื่อว่าจะมีเกือบครึ่งพรรคตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว

จากนี้ต้องติดตามว่าประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย จะเดินกันอย่างไร เมื่อความหวังในการฟื้นขั้วที่ 3 ดับลง ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดนั้นทางพลังประชารัฐ ก็ยังไม่ยืนยันดีลเก่ากับพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะให้ 8 ตำแหน่ง 7คน คือ1รองนายกฯ 3รัฐมนตรีว่าการ ประกอบด้วยรมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ รมว.พัฒนาสังคมฯและอีก4รัฐมนตรีช่วย คือ รมช.มหาดไทย รมช.ศึกษาธิการ รมช.คมนาคม และรมช.สาธารณสุข แต่ภายหลังทางพลังประชารัฐขอต่อรองใหม่ โดยขอคืน รมว.เกษตรฯแลกกับเก้าอี้รมว.อุตสาหกรรม แต่ ประชาธิปัตย์ไม่ยอม จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างหาเกมมาต่อรองกัน โดยทางพรรคพลังประชารัฐต้องการล้มดีลการแบ่งโควต้ารัฐมนตรีออกไปก่อนจนกว่าจะมีการโหวตนายกฯให้เสร็จสิ้นก่อน

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่ยอมโหวตนายกฯก่อนจะมีการแบ่งโควต้ารัฐมนตรีตามเกมพลังประชารัฐ เพราะหากโหวตให้"บิ๊กตู่" เป็นนายกฯก่อน อำนาจการต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีจะลดลงทันที

ระหว่างที่พักการเจรจาเพื่อรอความชัดเจนกันอยู่ ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็เดินแผนขั้วที่ 3 ควบคู่ขึ้นมา เพื่อบีบให้พลังประชารัฐ ตกลงตามเงื่อนไขที่ได้เจรจากัน แต่ทางพรรคพลังประชารัฐกลับไม่สนใจ พร้อมเดินหน้าสู่ขอพรรคชาติไทยทันที โดยตกลงตอบรับตามที่พรรคชาติไทยเสนอคือ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรมช.เกษตรฯ พร้อมขอให้พรรคชาติไทยแถลงประกาศเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อปิดเกมไม่ให้ประชาธิปัตย์ เล่นเกมขั้วที่ 3

ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ก็ถูกหางเลขตามพรรคประชาธิปัตย์ไปด้วยเมื่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล"หัวหน้าพรรค ประกาศว่าหากเสียงส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ถึง 250 คนทางพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ร่วมรัฐบาล ทำให้แกนนำพลังประชารัฐไม่พอใจและหยุดความเคลื่อนไหวในการเจรจา

เท่านั้นยังไม่พอ คนในพลังประชารัฐยังส่งสัญญาณว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สบายใจที่พรรคภูมิใจไทย จะส่ง นายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี มาเป็นรมช.มหาดไทย จึงได้ตั้งเงื่อนไขขอคัดรัฐมนตรีเอง

การตั้งรัฐบาลคราวนี้จึงยังไม่จบลงง่ายๆยิ่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร อยู่ในมือ"ชวน หลีกภัย"พลังประชารัฐ ก็ไม่ง่ายในการเดินหมากทางการเมืองต่อจากนี้ จึงต้องตามกันอย่ากระพริบ