posttoday

สว.สรรหาจุดบอด ฉุดคะแนน'บิ๊กตู่'

14 มีนาคม 2562

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสรรหา สว.มีความดุเดือดไม่แพ้กัน หลังคสช. ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา โดยมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์


การเลือกตั้ง สส.ช่วงโค้งสุดท้ายว่าเข้มข้นแล้ว แต่อีกด้านมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสรรหา สว.ที่มีความดุเดือดไม่แพ้กัน ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมาอย่างเป็นทางการ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน

ย้ำกันอีกครั้งว่าสำหรับกระบวนการในการได้มาซึ่ง สว.จำนวน 250 คน ตามบทเฉพาะกาลที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมีด้วยกัน ดังนี้

1.สว.โดยตำแหน่ง 6 คนประกอบด้วย ผู้บัญชาการกองทัพไทย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาทหารอากาศ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปลัดกระทรวงกลาโหม เท่ากับว่าวุฒิสภาชุดใหม่จะปรากฏชื่อ "บิ๊กแดง"  พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เข้ามานั่งประชุมในสภาและร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย

2.สว.จากการสรรหา 194 คน จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาในการคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาและการปฏิรูปประเทศมี จำนวนไม่เกิน 400 คน และให้ คสช.เลือกให้เหลือ 194 คน

3.สว.จากการเลือกกันเองของ ผู้สมัคร 50 คน เริ่มแรกจะเป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครที่เข้ามาตามระบบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด โดยเมื่อเลือกกันเองจนได้ 200 คนแล้ว กกต.จะส่งให้ คสช.พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 50 คนต่อไป

ทั้งหมดนี้ คสช.ต้องทำการคัดเลือก สว.ให้ได้จำนวน 250 คน ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง สส.

หมายความว่าประมาณกลางเดือน พ.ค. คนทั้งประเทศจะได้เห็นโฉมหน้า สว. เนื่องจากเป็นจังหวะเดียวกับกรอบเวลาที่ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง สส.ให้ได้จำนวน 95% หรือ 475 คน จาก สส.ทั้งหมด 500 คน ภายใน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง

การได้มาซึ่ง สว.ด้วยวิธีการสรรหานั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ของการเมืองไทย เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เคยกำหนดให้ สว.มาด้วยวิธีการดังกล่าวเช่นกัน เพียงแต่องค์กรที่มาทำหน้าที่สรรหา สว. คือ องค์กรอิสระ ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้เสียโดยตรง เมื่อเทียบกับการสรรหา สว.โดย คสช.ตามที่ปรากฏในปัจจุบัน

เหตุที่ต้องบอกว่าการสรรหาของ คสช.ก่อให้เกิดส่วนได้เสียโดยตรง เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สวมหมวกหลายใบมากในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ

อีกทั้งวุฒิสภาจะเข้ามาร่วมเลือกนายกฯ ด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังมีส่วนได้เสียเข้าไปอีก จึงไม่แปลกที่จะเกิดกระแส ไม่พอใจตามมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะภายหลังเริ่มปรากฏรายงานหรือโผรายชื่อตัวเต็งที่จะเข้ามาเป็น สว. ชุดแรกของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560

ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่เคยระบุว่า สว.สรรหาอาจจะมาจากอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) หรือแม้แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่กำลังหน้าที่ในปัจจุบัน ยิ่งเป็นเชื้อไฟที่ทำให้กระแสความไม่พอใจเพิ่มสูงขึ้น

ในมุมของ คสช.ทราบถึงกระแสนี้ดี แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า คสช.ไม่ได้มีทางเลือกทางการเมืองมากนัก

การเลือกตั้งยิ่งใกล้เข้ามามาก เท่าไหร่ ย่อมหมายความว่าอำนาจกำลังหลุดไปจาก คสช.มากขึ้นเท่านั้น หนทางเดียวที่ทำให้เกิดหลักประกันว่า คสช.จะไม่ถูกเช็กบิลย้อนหลัง คือ การเอาวุฒิสภาเข้าไปถ่วงดุลอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพยายามดับความหัวร้อนของสังคมด้วยการบอกว่า คสช.จะเลือกคนดีเข้าไปเป็น สว.เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล

"วันนี้ขอแบบนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นทุกคนก็อ้างประชาธิปไตย ถ้าเป็นประชาธิปไตยที่ซื่อสัตย์จริงๆ ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งการเลือกและการคัดสรร ถ้าสำนึกความเป็นไทย สำนึกประเทศชาติ บุญคุณของประเทศ" ท่าทีจาก พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.

อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งการสรรหา สว.ครั้งนี้กำลังจะเป็นจุดบอดที่อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึงพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน

ทั้งนี้ เป็นเพราะกระแสต่อต้านเรื่องการสรรหา สว.ค่อนข้างแรงพอสมควร ภายหลังเริ่มปรากฏว่าประเทศไทยกำลังจะได้คนหน้าเดิมๆ เข้ามาทำหน้าที่นิติบัญญัติ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็ประจักษ์แก่สายตาคนไทยแล้วว่าพวกเขาเหล่านี้ทำงานเป็นอย่างไร

"สปช.-สปท.-สนช." ล้วนมีช่องให้ติติงทั้งสิ้น เช่น สปช.เคยคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก จนทำให้การ เลือกตั้งล่าช้า สปท.เป็นผู้ตั้งคำถามพ่วง อันเป็นที่มาของการให้ สว.ร่วมเลือกนายกฯ ส่วน สนช.นั้นมีรอยแผลจากการพิจารณากฎหมายในเชิงปริมาณ แต่มีความกังขาในแง่คุณภาพ

การเลือกตั้งครั้งนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ ต้องพบกับความปราชัย คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ก้าวพลาดมาตลอด