posttoday

เกมชู'ทักษิณ' แผนเสี่ยงย้อนดึงคะแนนเพื่อไทย

07 กุมภาพันธ์ 2562

ปรากฎการณ์ผู้สมัครสส.พรรคเพื่อชาติเปลี่ยนชื่อเป็น"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"อาจทำให้ประชาชนสับสน เสี่ยงดึงคะแนนเพื่อไทย

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ปรากฏการณ์ผู้สมัคร สส.ชายของพรรคเพื่อชาติจำนวน 7 คน เปลี่ยนชื่อเป็น "ทักษิณ" และผู้สมัครหญิง 3 คน เปลี่ยนชื่อเป็น "ยิ่งลักษณ์" ด้วยเหตุผลเพื่อให้พี่น้องประชาชนจดจำได้ง่าย และทุกคนเปลี่ยนชื่อมาก่อนที่จะมีประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง กำลังสะท้อนถึงยุทธศาสตร์การแข่งขันที่แต่ละพรรคพร้อมจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มากที่สุด

โดยเฉพาะกับบรรดพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กที่อาจจะมีความเข้มแข็งสู้พรรคใหญ่ไม่ได้ จำเป็นจะต้องงัดทุกกระบวนท่าขึ้นมาเพื่อสร้างความได้เปรียบและเรียกคะแนนจากในพื้นที่ต่างๆ แม้บางวิธีอาจจะดูแปลก หรือไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมาก็ตาม และที่สำคัญนี่ยังสะท้อนให้เห็นถึงคะแนนนิยมของอดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังไม่จางหายไป

อีกด้านหนึ่งยังถือเป็นการแก้ลำระบบเลือกตั้งใหม่ที่เป็นบัตรเดียวชี้ขาดทั้ง สส.เขต และนำคะแนนไปคำนวณเป็นสัดส่วน สส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค โดยทุกพื้นที่เบอร์ของผู้สมัครพรรคเดียวกันจะแตกต่างกันไปต่างจากในอดีตที่อาจสร้างความสับสนหรือยุ่งยากให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิ ทางออกจึงอยู่ที่การสร้างจุดเด่นให้ตัวเองเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของประชาชนในพื้นที่มากที่สุด

ยิ่งการเลือกตั้งรอบนี้ถือเป็นการแข่งขันที่มีผู้สมัคร สส.จำนวนมากมายกว่าทุกครั้งดังจะเห็นจากข้อมูลของ กกต. ล่าสุด ซึ่งวันแรกมีผู้มาสมัคร สส.ทั่วประเทศ จาก 57 พรรคการเมืองยื่นสมัครใน 329 เขต รวมจำนวนทั้งสิ้น 4,428 คน ส่วนวันที่สองมีผู้สมัครเพิ่มขึ้นจากวันแรก 546 คน มีพรรคการเมืองที่ยื่นสมัครรวม 60 พรรค รวมมีผู้สมัคร 6,474 คน สูงขึ้นกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ถึง 3 เท่า

สำหรับพรรคการเมืองใหม่แล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องเข้าไปแข่งขันกับผู้สมัครจำนวนมากมายทั้งจากพรรคเก่า พรรคใหญ่ ที่มีฐานเสียงชัดเจนเหนียวแน่น และทุกพรรคต่างมุ่งหวังจะช่วงชิงคะแนนให้ได้มากที่สุดในทุกเขต แม้จะรู้ว่าเขตนี้ไม่สามารถเอาชนะเลือกตั้งในระบบเขตได้ แต่ก็หวังว่าจะเอาคะแนนที่ได้นี้ไปคำนวณเป็น สส.บัญชีรายชื่อในระบบที่ทุกคะแนนล้วนแต่มีความหมาย

ที่สำคัญยุทธวิธีใหม่นี้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ภายใต้กรอบจำกัดที่เข้มงวด โดย ทาง  วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะผิดกฎหมายหรือมีปัญหาอะไร เพราะผู้สมัครตัดสินใจกันเองที่เปลี่ยนชื่อ  ถ้าคิดว่าเปลี่ยนแล้วดีก็เปลี่ยนไปจะเอาทุกทางทุกเทคนิคก็ไม่เป็นอะไร เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ต้องไปถาม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเรื่องนี้ไม่เคยพบ

ปัญหาอยู่ที่การสร้างจุดขายให้ตัวเองด้วยการเชื่อมโยงกับ "ทักษิณ" และ "ยิ่งลักษณ์" ของพรรคเพื่อชาตินั้น ย่อมนำไปสู่ความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหลายคนยังเหนียวแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคต้นตำรับ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นย่อมทำให้ฐานเสียงของเพื่อไทยบางส่วนอาจเทน้ำหนักไปยังพรรคเพื่อชาติบางส่วนและทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทยต้องลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากพื้นที่การเปลี่ยนชื่อของผู้สมัครจะพบว่าล้วนแต่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของสำคัญของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น จ.นครราชสีมา  พะเยา อุทัยธานี ลำปาง เชียงใหม่ แพร่ ลำพูน และ สุรินทร์

หากเป็นเช่นนี้จากเดิมที่คาดว่า ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย เพื่อระบายผู้สมัครที่ไม่มีที่ลงไปยังพรรคเครือข่าย อันจะช่วยทำให้เมื่อคำนวณสุดท้ายแล้วจะได้ สส.บัญชีรายชื่อ ในสัดส่วนที่มากกว่าเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว สุดท้ายอาจทำให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยถูกกัดกร่อนและอาจมีผลต่อเก้าอี้ สส.เขตในบางพื้นที่ก็เป็นได้ อันจะทำให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงกว่าที่คาดการณ์

ยังไม่รวมกับบรรดาพรรคอื่นๆ ที่คาดว่าจะมาตัดคะแนนของพรรคเพื่อไทย อย่างพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถูกมองว่าชื่อพรรคก็มาจาก ทักษิณ  ประกอบกับมีอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยย้ายมาเป็นแกนนำของพรรคไทยรักษาชาติ หลายๆ คน อันจะยิ่งซ้ำเติมให้คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยต้องถูกซอยย่อยกระจายไปยังพรรคเครือข่ายจนเปิดช่องให้พรรคอื่นสามารถบุกเข้ามาเอาชนะได้

สุดท้ายการเปลี่ยนชื่อผู้สมัครเป็นทักษิณ จึงอาจเป็นยุทธศาสตร์ที่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง