posttoday

พรรคการเมืองคึก ชิงฐานก้อนใหญ่คนรุ่นใหม่

01 มกราคม 2562

"คนรุ่นใหม่"เป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

"คนรุ่นใหม่"เป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

********************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

พลังของคนรุ่นใหม่กลายเป็นปัจจัยที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจถึงขั้นส่งผลต่อการชี้ขาดแพ้ชนะเลือกตั้ง สอดรับกับที่หลายพรรคการเมืองเปิดช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่รวมถึงการจัดวางตัวผู้สมัครเพื่อดึงเสียงจากกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้

โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ที่จะได้มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรก คือ กลุ่มผู้ที่เกิดระหว่างปี 2537-2544 ซึ่งไม่ได้เลือกตั้งมาตั้ังแต่ปี 2555 เป็นกลุ่มบุคคลที่ตื่นตัวทางการเมืองและมีความคาดหวังว่าต้องการจะออกมาใช้สิทธิครั้งแรกหลังการเมืองถูกแช่แข็งมานานเกือบ 5 ปี

ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่าผู้เกิดระหว่างปี 2537-2544 มีจำนวนไม่น้อยกว่า 6,426,014 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อยเมื่อเทียบกับฐานผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52.4 ล้านคน

ตามสูตรการคำนวณจาก สส.ทั้งหมด 500 คน หารด้วยผู้มีสิทธิทั่วประเทศจำนวน 52.4 ล้านคน แสดงว่าการจะได้ สส. 1 คน จะต้องได้รับเสียงโหวตเลือกตั้ง 1.04 แสนคน

เมื่อนำมาคำนวณจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้สิทธิครั้งแรก 6.42 ล้านคน นั่นเท่ากับว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จะมีผลต่อการชี้ขาดเก้าอี้ สส.ในครั้งนี้ถึง 61.25 ที่นั่ง หรือประมาณ 12% ของจำนวน สส.ทั้งหมด

หากพรรคใดสามารถโกยคะแนนจากกลุ่มนี้ไปได้มาก ย่อมจะสร้างความได้เปรียบทางการเมืองและเอื้อให้การรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลทำได้ง่ายขึ้น

แม้นี่จะเป็นสูตรการคำนวณแบบคร่าวๆ ที่ไม่แม่นยำพอจะเอามาอ้างอิงได้เพราะต้องไปหักลบกับจำนวนผู้ที่ไม่ออกมาใช้สิทธิว่ามีมากน้อยเพียงไร แต่อย่างน้อยก็พอจะทำให้เห็นภาพกว้างในทิศทางที่กำลังจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้

สัญญาณนี้ยังสอดรับกับปรากฏการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อวันเลือกตั้งที่เคยกำหนดไว้เดิมวันที่ 24 ก.พ. 2562 นั้นตรงกับวันกำหนดสอบ GAT/PAT ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. จนนำไปสู่เสียงทักท้วงในวงกว้างและเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนวันกำหนดสอบออกไป เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้สิทธิของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้

ที่สำคัญจะเห็นว่าหลายพรรคออกมาเปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะมาเป็นขุมกำลังสำคัญไม่ว่าจะเป็นคณะทำงานหรือว่าที่ผู้สมัคร สส.ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าในอดีตที่ผ่าน

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาพการเมืองในอดีต นักการเมืองรุ่นเก่าถูกมองว่าเป็นจำเลยของสังคมที่นำมาประเทศไปสู่วังวนความขัดแย้งที่
ซับซ้อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ภาพการเมืองดูย่ำแย่เสียหายในสายตาประชาชนคนทั่วไป

การคัดสรรบุคลากรหน้าใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่สนามการเมืองย่อมสลายภาพลักษณ์ที่เคยเสียหายในอดีต และสร้างภาพใหม่ที่พอจะทำให้สังคมคาดหวังได้มากขึ้น

ยังไม่รวมกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การได้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเฉพาะการทำนโยบายเพื่อให้สอดรับกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมตอบโจทย์และได้รับการยอมรับได้ง่ายจากคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมไปอย่างรวดเร็วจากในอดีต

การเมืองในบริบทเดิมๆ ที่พุ่งเป้าออกนโยบายเอาใจกลุ่มรากหญ้าหรือเจาะจงไปยังกลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นฐานเสียงกลุ่มใหญ่ของสังคม จึงอาจยังไม่เพียงพอหากหวังจะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

ดังจะเห็นทั้งพรรคเพื่อไทยที่แถลงเปิดตัวนักการเมืองรุ่นใหม่ลงสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง พาประเทศไทยเดินหน้าด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยเป็นการรวมตัวจากหลายพื้นที่ ไมว่าจะเป็น กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร เชียงใหม่ ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

เผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า คนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นการทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ตามระบอบประชาธิปไตย และก้าวข้ามความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงการตอบโต้ทางการเมือง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งติดภาพความเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ รอบนี้เปิดตัวได้เปิดตัวคนรุ่นใหม่ในนามกลุ่ม New Dem ทั้งเตรียมลงสนามเลือกตั้งและนำเสนอนโยบาย อาทิ เดินหน้ายกเลิกเกณฑ์ทหาร สนับสนุนกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ส่งเสริมการแข่งขันอี-สปอร์ต และเปิดให้ใช้กัญชาทางการแพทย์

สอดรับกับการจัดวางตัวผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ซึ่งถือเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรค ไม่ว่าจะเป็น ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ หลานอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเขตบางกะปิ หมอเอ้ก-นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ลงเขตบางซื่อ และ ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทนักธุรกิจเครือโนเบิล ลงเขตมีนบุรี

ไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยจัดแถลงเปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ 30 คน โดย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำพรรคระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ทุกพรรคการเมืองต้องขายความเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะความหวังของประชาชนอยากได้การเมืองแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

แม้แต่พรรคอนาคตใหม่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยจุดขายของการรวมตัวจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ท่ามกลางเสียงตอบรับเป็นอย่างดีสะท้อนผ่านผลสำรวจความคิดเห็นจากหลายสำนัก

ฐานเสียงของกลุ่มคนรุ่นใหม่จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญและอาจมีส่วนชี้ขาดทางการเมืองในอนาคต