posttoday

"บิ๊กแดง"ผงาด ผบ.ทบ. เคลียร์ทาง"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯ

23 กรกฎาคม 2561

กองทัพจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี รองรับเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ เป็นหนึ่งในนายทหารที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการเมืองและการทหาร...

กองทัพจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี รองรับเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ เป็นหนึ่งในนายทหารที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการเมืองและการทหาร

เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือน ก.ค.ของแต่ละปี มักจะพบความเคลื่อนไหวของกองทัพเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี ตามกำหนดการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม  เพื่อพิจารณาบัญชีโยกย้ายทหารใน วันที่ 25 ก.ค.

ในปีนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากกว่าทุกครั้งในรอบ 4 ปี ภายใต้การบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ความสำคัญประการแรกเห็นจะเป็นการที่ปีนี้จะมีนายทหารระดับผู้นำเหล่าทัพเกษียณอายุราชการพร้อมกันยกแผง ประกอบด้วย “บิ๊กเข้” พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.  “บิ๊กนุ้ย” พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. และ “บิ๊กจอม” พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ.

โฟกัสไปที่กองทัพบก ซึ่งเป็นจุดศูนย์อำนาจในยุคนี้ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญหลายเก้าอี้ โดยเฉพาะในไลน์ “5 เสือ ทบ.”

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ “บิ๊กแดง” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.20) ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ตามคาด และขยับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก (ตท.20) ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา หรือแม่ทัพตู่ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) และ พล.ท. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.18) ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.ด้วยกันทั้งคู่ ส่วน พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก (ตท.19) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่มีการวางตัวกันไว้แล้ว เช่น พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.20) ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญศรี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด (ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. (ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน (ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทอ.

ความสำคัญประการต่อมาของการโยกย้ายนายทหารประจำนี้คือ การรองรับเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง

อย่างที่ทราบกันดีว่าเวลานี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป เหลือเพียงแต่การรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มีผลใช้บังคับ ทุกอย่างก็เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ คสช. ที่ต้องการกลับเข้ามาสู่อำนาจอีกครั้ง เพื่อสานต่อภารกิจการปฏิรูปประเทศและการสร้างความปรองดอง ผ่านการผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกสมัย

ด้วยเหตุนี้การจัดกำลังกองทัพในระยะนี้ต้องได้คนที่ไว้วางใจเป็นพิเศษขึ้นมาทำหน้าที่คุมกองทัพ จึงไม่แปลกที่ชื่อของ “บิ๊กแดง” จะอยู่ในใจของ คสช.มาตั้งแต่แรก

พล.อ.อภิรัชต์ เป็นหนึ่งในนายทหารที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการเมืองและการทหาร

เรื่องการทหารก็มีบทบาทในฐานะผู้คุมกำลังมาโดยตลอด ทั้งตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 เรียกได้ว่าเติบโตมาตามเส้นทางของนายทหารที่จะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของกองทัพบก

ส่วนการเมืองนั้นได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองมาแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 เมื่อครั้งเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

ในช่วงปี 2557 ภายหลังการรัฐประหารของ คสช. พล.อ.อภิรัชต์ ถูก คสช.วางตัวให้ทำหน้าที่ดูแลความสงบมาจนถึงช่วงหลังรัฐประหาร 2557 พล.อ.อภิรัชต์ ได้รับความไว้วางใจจาก คสช.ให้เข้าไปรับงานสำคัญต่อเนื่อง ตั้งแต่เรื่องดูแลความสงบเรียบร้อย ไปจนถึงเรื่องแก้ปัญหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา

แม้โดยพื้นฐานแล้ว พล.อ.อภิรัชต์ จะเป็นนายทหารในกลุ่มวงศ์เทวัญ ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร แต่สถานการณ์ในยามนี้ผู้นำเหล่าทัพและรัฐบาลต่างเห็นตรงกันว่าหากยังแบ่งเหล่าและก๊กกันในกองทัพ โอกาสที่จะพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายตรงข้ามมีความเป็นไปได้สูง

ดังนั้น การแต่งตั้งกองทัพบกในระยะหลังจึงไม่ได้มาจากสายบูรพาพยัคฆ์เป็นหลัก ดังจะเห็นได้จากการขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่อยู่ในกลุ่มทหารสงครามพิเศษ ทุกกลุ่มในกองทัพยอมถอยให้กันเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพของกองทัพ

ภารกิจหนักของ “บิ๊กแดง” ในวันข้างหน้าอยู่ที่การเลือกตั้งเป็นหลัก

กองทัพจะต้องเป็นกำลังหลักในการควบคุมความสงบในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากเมื่อการเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว เกมการเมืองทั้งบนดินและใต้ดินจะปรากฏให้เห็นเป็นระยะ และแน่นอนว่า คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมถูกเป็นเป้าโจมตีในครั้งนี้

ที่สุดแล้วการขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ของ พล.อ.อภิรัชต์ จึงมีงานหนักและใหญ่กว่า ผบ.ทบ.ในยุค คสช.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะศึกนี้มีการเดิมพันสูงกว่าทุกครั้ง