posttoday

อ้างม็อบป่วน ขู่ยื้อปลดล็อกการเมือง

27 มีนาคม 2561

การนัดรวมตัวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเริ่มต้นเปิดเกมรุกอีกด้วยการยกระดับการชุมนุม เพิ่มเป้าหมายข้อเรียกร้องนอกเหนือไปจากเรื่องการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์​

การนัดรวมตัวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเริ่มต้นเปิดเกมรุกอีกด้วยการยกระดับการชุมนุม เพิ่มเป้าหมายข้อเรียกร้องนอกเหนือไปจากเรื่องการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว

ล่าสุด การชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มี.ค. กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จัดการชุมนุมที่บริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

​พร้อมกันนี้ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่  1.จัดการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย.นี้ 2.ให้ยุบ คสช. และเปลี่ยนบทบาทเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งเท่านั้น และ 3.กองทัพยุติบทบาทในการสนับสนุน คสช.

จากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปยังกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้เหล่ากองทัพหยุดสนับสนุน คสช. กลับเข้ากรมกอง แล้วยืนเคียงข้างประชาชนพร้อมประกาศว่าหากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อไม่ได้รับการตอบสนอง ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะยกระดับเป็นการขับไล่ คสช.อย่างเป็นทางการ

พิจารณาจากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ พบว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ทั้งการบีบให้เลือกตั้งในเดือน พ.ย.นี้ หรือการให้ คสช.เปลี่ยนบทบาทมาเป็นรัฐบาลรักษาการ เนื่องจากไม่มีช่องทางตามกฎหมายให้ คสช. เปลี่ยนสถานะตัวเองก่อนมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้ว การจะให้ คสช.ทิ้งอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่สุ่มเสี่ยง เกิดพลาดพลั้งอาจส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาต้องสูญเปล่าได้นั้น​คงไม่ใช่ทางเลือกที่ คสช.​จะยอมทำตามได้

แต่ประเด็นสำคัญคือการเรียกร้องให้ “กองทัพ” แยกตัวออกมาจาก คสช. ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว  ทั้งกองทัพและ คสช.​หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวมาตั้งแต่แรก พร้อมทั้งสับเปลี่ยนถ่ายเลือดดึงคนในตำแหน่งคุมกำลังสำคัญเข้ามาอยู่ใน คสช.ให้สอดรับไปกับการแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละปี

ข้อเรียกร้องนี้แม้จะสะท้อนให้เห็นมุมมองแนวคิดหลายๆ อย่างแต่ยากจะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง แถมยังปลุกให้ คสช. ต้องหันมาให้ความสนใจควบคุมดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

สอดรับกับที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ แต่ยังคงมีบุคคลบางกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย และจะยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกหากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง

“เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป โดยขั้นตอนและวันเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย และอยากย้ำให้ชัดเจนว่าภารกิจสำคัญที่คสช.ต้องเข้ามา และมีรัฐบาลบริหารประเทศในช่วงนี้ คือการเปลี่ยนผ่านไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดังนั้นหากยังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ แล้วอะไรคือหลักประกันว่าบรรยากาศของการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

คำชี้แจงที่เสมือนจะเป็นคำปฏิเสธกลายๆ นี้ พยากรณ์ล่วงหน้าได้เลยว่าแม้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะเดินหน้าชุมนุมต่อไป แต่ก็อยู่ท่ามกลางการกวดขันของเจ้าหน้าที่ที่เข้มข้นขึ้น

ที่สำคัญ “นัย” ของคำอธิบายเรื่องบางกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย เหมือนจะเป็นมุขเก่าที่หยิบยกมาใช้อยู่บ่อยครั้งสำหรับการป้องปรามการชุมนุม โดยใช้​ “การเลือกตั้ง”เป็นตัวประกัน

ทว่าในทางปฏิบัติการที่ คสช.จะหยิบยกเหตุผลเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายจากการรวมตัวของประชาชนกลุ่มนี้ดูจะไร้เหตุผลอย่างมาก

​​ประการต่อมาเรื่องการชุมนุมอย่างสงบ แม้จะขัดกับคำสั่ง คสช. แต่ก็ยังเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และ คสช. ยังมีทั้ง พ.ร.บ.การชุมนุม หรือกฎหมายอื่นๆ  รวมทั้งอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือที่จะป้องปรามการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้อยู่แล้ว

​การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเป็นข้ออ้างสำหรับการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่อีกด้านก็อาจถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหว

สอดรับกับนัดหมาย ซึ่ง ศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเชิญพรรคการเมืองเก่ามาหารือในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพื่อระบุถึงสิ่งที่ทำได้หรือทำไม่ได้ ตามคำสั่ง คสช. 53/2560 เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน

แม้ทุกอย่างจะชัดเจนตามขั้นตอนว่าเดือน เม.ย​. คสช.จะเชิญตัวแทนแต่ละพรรคมาพูดคุยเพื่อนำไปสู่การปลดล็อกให้พรรคการเมืองเดินหน้าทำกิจกรรมอันจะเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้ง ทั้งการจัดประชุมเลือกกรรมการบริหาร กำหนดนโยบาย วางตัวผู้สมัคร

แต่อำนาจการยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่จะปลดล็อกพรรคการเมืองให้ออกมาเคลื่อนไหวได้เป็นของ คสช.แต่เพียงผู้เดียว การหยิบยกเรื่องความวุ่นวายปั่นป่วนมาในช่วงนี้ถึงจะไม่สามารถยื้อเลือกตั้งเพราะจะเกิดผลเสียตามมามากมาย

แต่อย่างน้อยก็อาจเป็นการเปิดช่องสำหรับยื้อการปลดล็อกพรรคการเมืองแทน ที่สำคัญยังเป็นการบีบ​ไม่ให้คนจากพรรคการเมืองไปร่วมสนับสนุนกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง​ได้อีกทางหนึ่งได้ด้วย