ปิดปาก ‘สมชัย’ ได้ไม่คุ้มเสีย
ชัดเจนว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งให้ สมชัย ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. มาจากท่าทีและการแสดงความคิดความเห็นที่ไม่เข้าหูเข้าตา คสช. ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ชัดเจนว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งให้ สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุติการปฏิบัติหน้าที่ มาจากท่าทีและการแสดงความคิดความเห็นที่ไม่เข้าหูเข้าตาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เห็นได้จากคำอธิบายในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2561 เรื่องให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ระบุว่า สมชัย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ในกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการการเลือกตั้งด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร ก่อให้เกิดความสับสน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของ กกต. และการจัดการการเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
เงื่อนปมที่สำคัญถึงขั้นทำให้ คสช.ต้องออกมาใช้ไม้แข็งจัดการปิดปากสมชัย หนีไม่พ้นเรื่องประเด็นเงื่อนเวลาเลือกตั้งตามโรดแมปที่ไม่น่าจะเป็นไปตามที่ คสช.ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.พ. 2562 ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ล้วนแต่ทำให้การเลือกตั้งต้องร่นถอยไปเรื่อยๆ
ยิ่งในฐานะผู้ปฏิบัติงานจัดการเลือกตั้งโดยตรง “คำพูด” ของ สมชัย จึงฟังดูมีน้ำหนัก แถมยังถูกหยิบยกไปขยายผลต่อเนื่อง บั่นทอนความน่าเชื่อถือจากสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตลอดจนแกนนำใน คสช.ออกมาย้ำว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมป
หากจำได้ก่อนหน้านี้ สมชัย ออกมาดักคอล่วงหน้า ในกรณี สภานิติบัญญัติคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. หรือการได้มาซึ่ง สว.จะทำให้โรดแมปเลือกตั้งขยายออกไปอีก 6 เดือน สำหรับกระบวนการ
จัดทำร่างฉบับใหม่
ล่าสุด สมชัย ออกมาแสดงความคิดความเห็นต่อการเข้าชื่อของ สนช.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ที่จะทำให้โรดแมปเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปต่างจากความคิดความเห็นของฝ่ายอื่นๆ ที่ยืนยันว่าไม่กระทบโรดแมป
ครั้งนั้น สมชัย อธิบายว่ากรณีไม่มีการยื่นศาลฯ ตีความ ต้องใช้เวลาเต็มที่ 330 วันหลังจากนายกฯ นำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ คือ รอโปรดเกล้าฯ 90 วัน ชะลอการใช้ 90 วัน เวลาเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน (90+90+150= 330) ดังนั้น หากนายกฯ สามารถทูลเกล้าฯ ถวาย ได้ในเดือน มี.ค. 2561 นับไป 11 เดือนก็คือ ก.พ. 2562
แต่กรณียื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เผื่อการวินิจฉัยของศาลฯ ไว้ประมาณเดือนครึ่ง และการนำกลับมาแก้ไขหลังศาลฯ วินิจฉัยอีกครึ่งเดือน แปลว่าวันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแมปไปอีก 2 เดือน จาก ก.พ. 2562 เป็น เม.ย. 2562
ยังไม่รวมกับท่าทีการฟาดงวงฟาดงาใส่ คสช. ตลอดจนแม่น้ำ 5 สาย ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายหลังจากที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สนช.ผ่านกฎหมาย เซตซีโร่ กกต. ชุดปัจจุบัน
อีกมุมหนึ่งคำสั่ง คสช.ครั้งนี้จึงเสมือนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูส่งไปถึงฝักฝ่ายต่างๆ ที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กลไกหรือแนวทางการบริหารงานของ คสช. ทว่า หากช่างน้ำหนักแล้ว อาจจะเป็นการออกคำสั่งที่ได้ไม่คุ้มเสียด้วยหลายเหตุผล
ประเด็นแรก จะถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุโดยไม่จำเป็น เพราะต้องไม่ลืมว่า กกต. ชุดปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ก็มีอันต้องจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้อยู่แล้ว เมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.กำหนดให้เซตซีโร่ กกต.ชุดปัจจุบัน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหา กกต.ชุดใหม่ ภายหลังจากที่ สนช.ลงมติคว่ำ 7 ว่าที่ กกต. ซึ่งผ่านการสรรหามาแล้วรอบหนึ่ง ดังนั้นอีกไม่นานก็จะได้ว่าที่ กกต.ชุดใหม่ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทนชุดเก่าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบไปปลด สมชัย ในเวลานี้
เมื่อผลกระทบจากการออกคำสั่งปลด สมชัย ยิ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของ คสช.ดูย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมจากที่เคยถูกมองว่าไม่รับฟังความคิด ความเห็นของผู้ที่เห็นแตกต่าง ดังจะเห็นว่าคำพูดของ สมชัย ในช่วงที่ผ่านมาเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งก็มีเหตุผลความเป็นไปได้ ไม่ใช่พูดลอยๆ ปราศจากเหตุผลรองรับ
ประเด็นที่สอง ต่อให้ออกคำสั่งปลด สมชัย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ สมชัย หยุดแสดงความคิดความเห็นได้ เพราะถึงจะไม่มีสถานะ กกต. ก็ยังออกมาแสดงความคิดความเห็นได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจปลุกให้การวิพากษ์วิจารณ์หลังจากนี้ดุเดือดขึ้นเพราะไม่มีอะไรต้องเสียอีกต่อไป
ล่าสุด สมชัย ระบุว่า ไม่รู้สึกเสียใจต่อคำสั่งที่ออกมา รู้ว่าตัวเองสุ่มเสี่ยงมาโดยตลอดกับการที่จะถูก คสช.ปลดเพราะให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่ถูกใจใคร แต่ถือว่าทำตามหน้าที่ ซึ่งอาจมีคนเห็นว่าไปขัดผลประโยชน์จนทนไม่ได้ แต่การเป็น กกต.ก็มีหน้าที่ชี้ว่าสิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด
ประเด็นที่สาม เป็นการสะท้อนถึงการใช้อำนาจ ที่พร่ำเพรื่อเกินความจำเป็น อันอาจจะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีในอนาคต เพราะกรณีการให้สัมภาษณ์ของ สมชัย แม้จะทำให้เกิดความสับสน แต่ในฐานะรัฐบาล คสช.ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ย่อมสามารถชี้แจงสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น
อีกทั้งฝ่ายที่สร้างความคลุมเครือเรื่องโรดแมปการเลือกตั้งมาโดยตลอดนั้น ดูจะเป็นฝ่าย คสช.มากกว่าที่ไม่กล้าออกมายืนยันความชัดเจนและยังมีเหตุปัจจัย ตลอดจนเงื่อนไขใหม่ๆ ให้ต้องเลื่อนเลือกตั้งมาโดยตลอด
ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่ยิ่งทำให้คำสั่ง คสช.ที่ออกมารอบนี้ดูจะเสียมากกว่าได้