posttoday

ไทยนิยมเดิมพันสุดท้าย กู้คะแนนนิยมคสช.

08 กุมภาพันธ์ 2561

“โครงการไทยนิยมยั่งยืน” นับเป็นอีกยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นการทิ้งทวนสร้างผลงานเรียกความเชื่อมั่นในช่วงปลายโรดแมป

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

“โครงการไทยนิยมยั่งยืน” นับเป็นอีกยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)​ ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นการทิ้งทวนสร้างผลงานเรียกความเชื่อมั่นในช่วงปลายโรดแมป คสช.กอบกู้คะแนนที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ

ต้องยอมรับว่า 3 ปีกว่าที่ผ่านมา “ผลงาน” ของรัฐบาล คสช.ยังไม่โดนใจประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรากหญ้าที่กำลังเผชิญปัญหาปากท้องและราคาสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นแรงกดดันที่ย้อนกลับมาซ้ำเติมความเชื่อมั่นรัฐบาล คสช. ฉุดให้การเดินหน้าบริหารประเทศในช่วงโค้งสุดท้ายเป็นไปด้วยความยากลำบากกว่าเดิม

แม้ที่ผ่านมารัฐบาล คสช.จะพยายามอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในพื้นที่หลายรอบหลายโครงการ แต่ทว่าในทางปฏิบัติกลับเป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ชั่วครั้งชั่วคราว เม็ดเงินดังกล่าวไม่สามารถหมุนเวียนในระบบสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็น

นอกจากจะถูกมองว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ใช้แต่วิธีเร่งด่วนที่ไม่มีผลในระยะยาวแล้ว มาตรการทำนองนี้ของรัฐบาล คสช.ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเดินตามรอยนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  ทั้งที่ คสช.ต่อต้านและพยายามออกกฎระเบียบ หามาตรการสกัดการใช้งบประมาณแผ่นดินไปในแนวทางนี้ แต่สุดท้ายกลับต้องมาทำเอง

หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดโครงการหมู่บ้านละล้าน หรือประชารัฐ​ ถูกมองว่าเป็นเพราะรัฐบาลไม่อาจหาแนวทางที่ดีกว่านี้ ในการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเห็นผลได้รวดเร็วทันใจ

แต่สุดท้ายในทางปฏิบัติพบเห็นปัญหาในหลายพื้นที่และไม่ได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังถูกครหาในหลายประเด็น​โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐ

การพลิกโฉมปลุกปั้น “ไทยนิยมยั่งยืน” จึงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของรัฐบาล คสช.ทั้งเพื่อไม่ให้ไปซ้ำรอย ทั้งกองทุนหมู่บ้านในอดีต หรือโครงการประชารัฐด้วยจุดขายใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายว่าไทยนิยมไม่ใช่การสร้างกระแสชาตินิยม เหมือนที่บางคนไม่เข้าใจแล้วพยายามบิดเบือน แต่สำหรับสถานการณ์ของประเทศในวันนี้นั้นเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เราต้องการการปฏิรูปที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทยโดยไม่ทิ้งหลักสากล

“ผมกำลังพูดถึงและไทยนิยมก็ไม่ใช่ประชานิยม เพราะประชานิยมเป็นการให้ในลักษณะที่เหมือนกับยัดเยียดทุกคนได้ไป พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง อะไรก็แล้วแต่ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เหมาะสมกับประชาชน ด้วยการสร้างแนวคิดบริโภคนิยมที่ผ่านมาประชาชนชอบและพอใจ กลายเป็นว่าประชาธิปไตยกินได้เหมือนกับนโยบายของที่ผ่านมา อาจจะไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงอาจจะทำเพียงเพื่อต้องการความนิยม หรือต้องการคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แต่วิเคราะห์แล้ว “ไทยนิยม” ถือเป็นหนึ่งในกลไกการตลาดที่จะสร้างแบรนด์ให้กับผลงานชิ้นโบแดงให้กับรัฐบาล คสช. เพื่อไปใช้ในการชี้แจงหรืออธิบายสังคมถึงความสำเร็จในการดำเนินนโยบายกอบกู้สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ

สอดรับกับสารพัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และกำลังจะเริ่มออกดอกออกผล มองเห็นความสำเร็จผ่านตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงนี้

ล่าสุด กระทรวงการคลังเสนอแผนอัดฉีดงบกลาง 2561 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อ​ปฏิรูปยกระดับประเทศเน้นไปที่เศรษฐกิจระดับฐานราก โดยเม็ดเงิน 1 แสนล้านบาท จะใช้ใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.งบประมาณในโครงการช่วยคนจนเฟส 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท 2.โครงการปฏิรูปราคาสินค้าเกษตร 4 หมื่นล้านบาท เช่น การแก้ไขราคายางตกต่ำ  3.งบประมาณในโครงการพัฒนาตำบลวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และ 4. นำไปใช้เพิ่มความเข้มแข็งกองทุนหมู่บ้าน 1-1.5 หมื่นล้านบาท

สรุปในภาพรวมแล้ว “ไทยนิยมยั่งยืน” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพียงแต่เป็นการบูรณาการโครงการซึ่งได้รับการจัดสรรงบที่มีอยู่เดิมแล้วมาจัดหมวดหมู่ใหม่

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน กล่าวว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืนมีส่วนเกี่ยวข้องกับงบเพิ่มเติมปี 2561 เนื่องจากฝ่ายเศรษฐกิจต้องการลงไปสร้างเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ซึ่งจะเน้นไปที่งานภาคการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ตามมาด้วยการท่องเที่ยว โครงการโอท็อป และกองทุนหมู่บ้าน

ไทยนิยมยั่งยืนจึงถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของรัฐบาล คสช.ที่อยู่ในช่วงขาลงกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาความเชื่อมั่นที่ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทิศทางการปฏิรูปและปรองดองที่เคยเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล คสช.ยังไร้วี่แววความสำเร็จ ​

การเร่งผลงานทางด้านเศรษฐกิจฐานรากจึงเป็นอีกหนทางที่จะผ่อนคลายแรงกดดันที่รุมเร้าเวลานี้ ที่สำคัญหากทำได้ดีย่อมส่งผลถึงคะแนนนิยมในระยะยาว ที่ย่อมเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

ส่วนจะเป็นรูปเป็นร่างได้มากน้อยแค่ไหน ต้องรอติดตามก้าวแรกในวันที่ 9 ก.พ.นี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะนำทีมชี้แจงนโยบายและแนวทางต่อทุกกระทรวง