posttoday

อุ้ม "บิ๊กป้อม" ลาก "บิ๊กตู่-ปปช." ลงเหว

17 มกราคม 2561

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีกำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก ภายหลังตัดสินใจยังคงกางปีกปกป้อง พล.อ. ประวิตร

โดย..ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก ภายหลังตัดสินใจยังคงกางปีกปกป้อง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต่อไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายสัมพันธ์ "บูรพาพยัคฆ์" ระหว่างน้องตู่และ พี่ป้อมนั้นแนบแน่นเหมือนกับคนในครอบครัว ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายสมรภูมิ เมื่อเลือดข้นยิ่งกว่าน้ำย่อมไม่มีอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์นี้แตกสลายไปได้

แต่ดูเหมือนกับว่าการแสดงออกถึงความเป็นครอบครัวในครั้งนี้ดูจะผิดที่ผิดทางไปพอสมควร

นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร เข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลก็ถูกจับจ้องมาตลอดว่าเป็นผู้มีบารมีเหนือนายกรัฐมนตรี ด้านหนึ่งเป็นเพราะการเป็นนายทหารลูกครึ่งการเมืองมาก่อน ส่งผลให้บิ๊กป้อมจึงเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยคอนเนกชั่นทางการเมืองกับทุกพรรคการเมือง

ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์ จนมีอยู่ช่วงหนึ่งเกิดกระแสข่าวว่าบิ๊กป้อมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางการเมืองเพื่อสร้างความปรองดองก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไป

การเป็นบุคคลมากบารมี จึงไม่แปลกที่ทุกความเคลื่อนไหวและทุกท่าทีของ พล.อ.ประวิตร ต่างถูกนำมาโยงเป็นประเด็นทางการเมืองแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเด็นทางสังคมอย่างการห้ามนั่งหลังรถกระบะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ก็ยังถูกนำมาเกี่ยวข้องกับการเมืองไปโดยปริยาย

ทุกครั้งที่ พล.อ.ประวิตร ตกเป็นเป้าทางการเมืองก็จะมี พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาปกป้องตลอด โดยเฉพาะกับสถานการณ์ล่าสุดจากการถูกตรวจสอบเรื่องการมีนาฬิกาหรูหลายเรือน

การมีนาฬิกาหลายเรือนของ พล.อ.ประวิตร จะไม่เป็นประเด็นเลยหากเป็นทรัพย์สินที่ตรงกับรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลปัจจุบัน

ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ถูกเปิดเผยว่ามีนาฬิการาคาแพงมากถึง 24 เรือน โดยตลอดระยะเวลาการตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร โดยภาคสังคมอย่าง เข้มข้น นำมาซึ่งกระแสกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอา พล.อ.ประวิตร ออกไปจากรัฐบาลก่อนชั่วคราว จนกว่าข้อครหาของ พล.อ.ประวิตร จะได้รับการชำระจนเสร็จสิ้น

ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่สวมหมวกหลายใบทั้งในฐานะนายกฯ หรือน้องรักของพี่ป้อม กลับออกมาปกป้องบิ๊กป้อมแบบได้ใจ พล.อ.ประวิตร แต่ไม่ค่อยได้ใจประชาชนเท่าไรนัก โดยเฉพาะกับการบอกสื่อมวลชนว่าขอให้ลดราวาศอกลงบ้าง

"ผมไม่ต้องให้กำลังใจ ท่านเข้มแข็งพอ พล.อ.ประวิตร เป็นทหาร ดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ขอร้องสื่อให้ลดราวาศอกกันบ้าง กฎหมายว่าอย่างไร ก็ไปว่ากันตาม ขั้นตอน อย่ามองในทางที่แย่ทั้งหมด ไปดูข้อกฎหมายก่อน" คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2560

ไม่เพียงแต่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อกรณีของ พล.อ.ประวิตร จะเป็นปัจจัยให้ประเด็นการเมืองกระพือมากขึ้นเท่านั้น แต่ท่าทีของ ป.ป.ช.ก็มีส่วนไม่แพ้กัน

ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช.กำลังตกที่นั่งลำบาก ภายหลังจากถูกกังขาถึงความกระตือรือร้นในการตรวจสอบกรณีของ พล.อ.ประวิตร เท่าไรนัก อีกทั้งพยายามแสดงท่าทีหลีกเลี่ยงการให้ข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชนถึงรายละเอียดบางส่วนของการตรวจสอบ พล.อ. ประวิตร ด้วย ทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองที่คาราคาซังมาจนถึงปัจจุบัน

ยิ่งนานวันไป กระแสกดดันก็เริ่มถาโถมมายังรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น แม้แต่กลุ่มคนที่เคยเป็นมิตรก็ตีตัวออกห่างและต้องการให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลดำเนินการกับเรื่องนี้ให้เด็ดขาดก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

"อดีตผู้นำจีนคนหนึ่ง ชื่อ เติ้งเสี่ยวผิง พูดไว้น่าฟังยิ่งว่า อย่าเอา ผลประโยชน์ชาติไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัว ในสภาพที่นายกฯ ต้องแบกนาฬิกาเป็นเครื่องหลังที่หนักอึ้ง ขณะที่ ป.ป.ช.ก็ยากที่จะทำงาน และอธิบายต่อสาธารณะ อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็ก เพราะที่เห็น และเป็นอยู่ขณะนี้มันมีผลสะเทือนทางความเชื่อถือสูงมาก

หากรองนายกฯ จะรักษานายกฯ และประคองน้องรักให้ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ลากกันไปตายหมู่ ขณะเดียวกันก็ทำให้ ป.ป.ช.ยังมีสง่าราศี และคงความน่าเชื่อถือไว้ได้ แถมไม่ต้องกลายเป็นเหยื่อ ขุดคุ้ยของฝ่ายการเมืองในฤดูเลือกตั้ง ขอเสนอว่า รองนายกฯ ลาออกดีกว่า เป็นวิธีที่จะทำให้ทุกฝ่ายโล่งอกไปด้วยกันทั้งหมด" เสียงกดดันจาก "ประสาร มฤคพิทักษ์" แกนนำอดีตกลุ่ม 40 สว.

สถานการณ์ในวันนี้ของ พล.อ. ประยุทธ์ กำลังยืนอยู่บนความเหมือนที่แตกต่างกับ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีในช่วงก่อนที่จะมีการรัฐประหารในเดือน พ.ค. 2557

บนความเหมือนนั้นหมายถึงมีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลที่มาจากคนในรัฐบาลเหมือนกัน แต่ผู้นำรัฐบาลทั้งสองยุคก็ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเงี่ยหูฟังสังคมเท่าใดนัก

ส่วนความแตกต่างกัน คือ แม้จะมีปัญหาเหมือนกัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีม็อบมาเดินขบวนขับไล่ เหมือนกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ต้องเจอกับม็อบขับไล่เป็นเวลาร่วมปี

มาวันนี้รัฐบาลทหารอยู่มาได้เพราะมีมาตรา 44 เป็นป้อมปราการปกป้องกันภัยให้ แต่เมื่อความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน มาตรา 44 ก็อาจไม่ได้เป็นยาสามัญประจำรัฐบาลที่ช่วยบรรเทาได้ตลอดไป