posttoday

วิสัยทัศน์ว่าที่ กกต. สร้างความรู้-ขจัดซื้อเสียง

15 ธันวาคม 2560

คณะกรรมการสรรหากกต. ที่มี "ชีพ จุลมนต์" ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ได้เสนอรายงานการพิจารณาสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต.จำนวน 5 คน ต่อที่ประชุม สนช.

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

หมายเหตุ : คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มี "ชีพ จุลมนต์" ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ได้เสนอรายงานการพิจารณาสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต.จำนวน 5 คน ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่ง สนช.จะดำเนินการตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติต่อไปโดยส่วนหนึ่งของรายงานฉบับนี้ ได้มีการเผยแพร่การแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลที่ได้รับการเสนอให้เป็นกกต.ด้วยเนื้อหาพอสังเขปดังนี้

ฐากร ตัณฑสิทธิ์

"เราจะป้องกันวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในการซื้อสิทธิขายเสียงต่างๆ อยากให้มีการจัดตั้งกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือว่าผู้บริหารระดับชาติเอง ที่เข้ามามีหน้าที่เฉพาะจัดตั้งงบประมาณเท่านั้น ออกสเปกหรือออก TOR แต่ขั้นตอนในการที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ผมเห็นว่าควรจะเป็นส่วนกลางในการที่จะดำเนินการ เพราะฉะนั้นเมื่อสามารถตัดวงจรอุบาทว์ต่างๆ ได้ ประชาชนหรือผู้สมัครก็จะไม่มีเงินที่จะไปซื้อสิทธิขายเสียง เพราะว่าเงินทองต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะไม่มีในระบบแล้ว"

จากนั้นกรรมการสรรหาได้สอบว่า "เหตุใดชาวบ้านถึงยอมขายเสียง" ฐากร ตอบว่า "เรื่องของความยากจนก็เป็น ส่วนหนึ่ง ในส่วนที่สอง คือ ด้วยความที่ผมเป็นคนต่างจังหวัด เป็นคนชนบท ทราบว่าประชาชนเองนั้นเงินจำนวน 300 บาท 500 บาท สำหรับชาวบ้านมีความสำคัญกับเขามาก"

"เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคนสมัครขอซื้อเสียงจากเขาก็คือความใกล้ชิดกันเอง หมายถึงว่าคนดีๆ ไม่อยากไปลงสมัครเป็น สส. หรือ สว.หรือผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากผู้มีอิทธิพลที่จะเข้าไปซื้อสิทธิขายเสียง แล้วก็ความที่ชาวบ้านเองยังยากจนอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะต้องแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ต่อไปด้วย"

เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ

"การจัดการเลือกตั้ง ควบคุมการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะพัฒนาเจ้าหน้าที่ระดับล่างโดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนสอบสวน แล้วก็พยายามแยกงานสืบสวนสอบสวนออกจากกัน ส่วนการข่าวในอนาคต กกต.จะต้องมีการข่าวเป็นของตัวเองที่เป็นพื้นฐานใช้ได้ แล้วอีกฟากหนึ่งคือ ฟากของการปรับปรุงระบบ โดยเฉพาะการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข"

"วิธีการแก้ไขปัญหาทุจริตเลือกตั้งที่ดีที่สุด คือ ให้ประชาชนตรวจสอบกันเอง ดังที่ปรากฏในยุโรปเขาจะให้เงินอุดหนุนกับพรรคการเมืองเพื่อไปตรวจสอบกันเองตามหลักของทางเลือกสาธารณะ แล้วก็สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ"

จากนั้นกรรมการสรรหาสอบถามว่า "ท่านเคยขึ้นเวทียามเฝ้าแผ่นดินใช่ไหมครับ ผมเห็นในยูทูบ" เรืองวิทย์ ตอบว่า "มิได้ครับ ผมไปในนามของนักวิชาการประชาธิปไตยในเวลานั้น"

ชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ

"ในเรื่องของการซื้อสิทธิขายเสียงตามความคิดของดิฉัน จะต้องหาทางในเรื่องของหัวคะแนนให้หมดไปให้ได้ เพราะ จริงๆ แล้วคะแนนเสียงส่วนใหญ่ที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับนั้น จะเป็นการจัดตั้งของบุคคลก่อนที่จะมีการลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นบุคคลสำคัญที่จะเป็นตัวผลักดันให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและมีการซื้อสิทธิขายเสียงได้ คือ หัวคะแนน"

กรรมการสรรหา ถามว่า "คุณคิดว่าคุณเหมาะสมจะได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร" ชมพรรณ์ ตอบว่า "ดิฉันคิดว่าในภาคส่วนของการที่กำหนดให้มีนักกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ดิฉันใช้กฎหมายว่าความมาเป็นระยะเวลา 29 ปี ซึ่งการว่าความมาแล้ว ณ ตรงนี้ สัมผัสกับประชาชนแล้วในฐานะที่เป็นอุปนายกสมาคมผู้นำสตรี ดิฉันได้รับรางวัลสตรีดีเด่น จึงคิดว่าเป็นตัวการันตีว่าดิฉันมีความสามารถ"

อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์

ขอนำเสนอวิสัยทัศน์ ดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์ที่ 1 คือ ด้านการเลือกตั้งจะให้มีการพัฒนากระบวนการและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการเลือกตั้งและออกเสียงประชามติเพื่อให้มีความสะดวก ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ เรื่องของการสืบสวน ไต่สวน วินิจฉัยคดี และการดำเนินคดีในศาล ก็จะให้มีการจัดทำตัวระบบฐานข้อมูลเชื่อมกับหน่วยงานที่มีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินไปในทางที่ผิด ยุทธศาสตร์ที่ 3 เรื่องการเสริมสร้างประชาธิปไตย ยุทธศาสตร์ที่ 4 เรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง จะจัดทำฐานข้อมูลพรรคการเมืองเพื่อจะได้ดูแลตรวจสอบและกำกับการทำงานของพรรคการเมืองให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ยุทธศาสตร์ที่ 5 เรื่องของการบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล"

ประชา เตรัตน์

"ถ้ามีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นในพื้นที่และโดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นนั้น ระดับท้องถิ่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก มีการซื้อสิทธิขายเสียงมากจริงๆ แล้ว จากเดิมที่เคยจ่าย 500 บาท เป็น 1,000 บาท และ 2,000 บาท ปัจจัยต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะฉะนั้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายประชาชนนั้นสำคัญมาก ในการที่จะทำเรื่องนี้ให้จริง หนีไม่พ้นให้เครือข่ายประชาชนมีส่วนร่วม ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสต้องไปสร้างเครือข่ายกรรมการการเลือกตั้งภาคประชาชนให้เกิดขึ้นในทุกจังหวัดทุกอำเภอไปหมด สามารถทำได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้อง เร่งทำอย่างเร่งด่วน แล้วในช่วงนี้เรามีโซเชียลมีเดียเยอะ เราจะทำได้ง่ายขึ้นกับพวกนี้"