posttoday

จัดแถวขรก.มท.-งบท้องถิ่น ภูมิใจไทยพร้อมเลือกตั้ง

11 สิงหาคม 2553

นาทีนี้ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมากที่สุด...

นาทีนี้ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมากที่สุด...

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ภูมิใจไทยโชว์เหนือจัดทัพรับเลือกตั้งเป็นไปตามคาดว่าเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ส.ค. เห็นชอบให้ “มงคล สุระสัจจะ” อธิบดีกรมการปกครอง(ปค.) นั่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ต่อจาก “มานิต วัฒนเสน” ปลัดคนปัจจุบันที่จะเกษียณในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่ง “มงคล” จะมีอายุราชการเหลือ 2 ปี นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งปีหน้า

อีกทั้งเป็นการตอกย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของ “เนวิน ชิดชอบ” สามารถยึดทั้งกลไกอำนาจรัฐได้ค่อนข้างเบ็ดเสร็จ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ากระทรวงมหาดไทยถือว่ามีกลไกต่างๆ ทั้งในแบบทางการและไม่ทางการในการหาเสียงกับประชาชนมากที่สุด เพราะมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ

จัดแถวขรก.มท.-งบท้องถิ่น ภูมิใจไทยพร้อมเลือกตั้ง

การสยายปีกใหญ่โตของพรรคภูมิใจไทยมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นทั้งในส่วนของการเพิ่มจำนวน สส. เพื่อโชว์ความยิ่งใหญ่ของพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูด สส.พรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้น้ำเลี้ยงกำลังขาดอย่างหนัก ทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดอาการผวาทันที เพราะหากนับเอา สส.เดิมที่เคยมีอยู่ถึง 233 เสียง ในสมัยที่เป็นพรรคพลังประชาชน แต่ถูก “เนวิน” จับแปลงร่างเป็นพวกงูเห่า ทำให้เหลือ สส.ประมาณ 190 คนเท่านั้น ซึ่งมากกว่าประชาธิปัตย์ที่มีอยู่ 175 คน เพียง 15 คนเท่านั้น

แนวโน้มที่ว่านั้นเป็นเหตุให้แกนนำพรรค|เพื่อไทยลงพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสานอย่างหนัก เพื่อรักษาฐานเสียงเดิมของตัวเองไว้ หลังจากที่ทราบว่าพรรคภูมิใจไทยใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาล่อ สส.คนละ 20-30 ล้านบาท เพื่อเอาไว้เป็นกระสุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า สอดคล้องกับข่าวการจัดสรรงบปี 2554 ที่กำลังจะมีการพิจารณาในวันที่ 18-19 ส.ค.นี้ ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับของพรรคภูมิใจไทยได้งบเพิ่มขึ้นมากสุด คือ 8,970 ล้านบาท

โดยงบก้อนนี้กระจุกตัวอยู่ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ที่มี “ไพรัตน์ สกลพันธุ์” นั่งเป็นอธิบดี ได้รับการจัดสรรมากถึง 8,100 ล้านบาท โดยเตรียมไว้เป็น “งบพัฒนาจังหวัด” ซึ่งพบว่างบดังกล่าวถูกนำไปจัดสรรให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในจังหวัดต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทยแทบทั้งสิ้น อาทิ ปทุมธานี พะเยา ลพบุรี เลย สุรินทร์ ศรีสะเกษ เป็นต้น

ขณะที่ เชียงใหม่ ชลบุรี เชียงราย อุดรธานี ฯลฯ ที่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สีแดงของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้รับงบดังกล่าวแม้แต่ “บาทเดียว” ด้วยสภาพเช่นนี้ถึงกับทำให้ สส.เพื่อไทย อดหวั่นไหวให้กับข้อเสนอของภูมิใจไทยไม่ได้ จนทำให้ “เนวิน” ถึงกับมั่นใจว่าพรรคจะมี สส.มากกว่า 60 คนแน่นอน

นอกจากจะสร้างฐานอำนาจการต่อรองทางการเมืองด้วยการดูด สส.แล้ว พรรคภูมิใจไทยยังคิดการใหญ่ด้วยการวางเครือข่ายบิ๊กข้าราชการที่ใกล้ชิดไว้ในตำแหน่งสำคัญๆ ไว้รอบด้าน โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่มีกลไกสำคัญๆ ในการชี้นำการเลือกตั้ง ซึ่งเห็นได้จากการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในหลายครั้งที่ผ่านมา

อีกทั้งปรากฏชัดยิ่งขึ้นในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งในสมัย “มานิต” ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนสายตรงของ “เนวิน” ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันในช่วงรัฐประหาร จนทุกวันนี้เกือบจะเรียกได้ว่างานใหญ่ๆ ของพรรคภูมิใจไทยมี “เนวิน” ที่ไหนก็ต้องมี “มานิต” ที่นั่น ไม่ต่างกับล่าสุดที่มีการตั้ง “มงคล” อธิบดีกรมการปกครองคนปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงแทน “มานิต” ที่ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดของเนวินเช่นกัน

เพราะเส้นทางของ “มงคล” คนนี้ถือว่ามีชีวิตราชการที่ก้าวกระโดดรวดเร็วเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับข้าราชการคนอื่นๆ เพราะเขาเป็น ผวจ.บุรีรัมย์ เพียง 1 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน (พช.) ในปี 2552 และขึ้นเป็นอธิบดี ปค. ในเดือน เม.ย. 2553 และ4 เดือนต่อมาได้กระโดดเป็นปลัดกระทรวงในที่สุด และถือว่าเป็นสิงห์ขาวจากรั้วรามคำแหงคนแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาผลงานของ “มงคล” ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา นับว่าได้สร้างความประทับใจให้กับฝ่ายการเมืองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาเป็นคนไม่ลงนามรับบัตรสมาร์ตการ์ดที่ผลิตโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพราะเห็นว่าผิดกฎกระทรวงฉบับที่ 22 ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่ายว่าเป็นการหาเรื่องเพื่อล้มโครงการดังกล่าว เพราะถ้ามีการผลิตใหม่จะใช้งบประมาณสูงถึง 2,000 ล้านบาท

และกับผลงานล่าสุดที่ว่าที่ปลัดคนใหม่สนองฝ่ายการเมืองอย่างเต็มที่ด้วยการอนุมัติโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อให้บริการประชาชนด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ มูลค่า 3,490 ล้านบาท ที่หลายหน่วยงานทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรมบัญชีกลาง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่างทักท้วงถึงความไม่โปร่งใส เพราะเห็นว่าการประกวดราคาไม่เป็นไปตามทีโออาร์ เนื่องจากมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว

นอกจากนี้ ต้องจับตาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยอีก 21 ตำแหน่ง ซึ่งมีตำแหน่งอธิบดี สถ. ที่ “ไพรัตน์” จะเกษียณในเดือน ก.ย.นี้ รวมถึงเก้าอี้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ของ “อนุชา โมกขะเวส” อธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นกรมเดียวที่ฝ่ายการเมืองไม่สามารถสั่งการได้

ซึ่งทั้งสองกรมถือว่าเป็นแหล่งงบประมาณมหาศาล และมีกลไกในการสร้างคะแนนกับประชาชน เป็นที่คาดหมายกันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่พลาดที่จะส่งคนของตัวเองมานั่งตำแหน่งเหล่านี้ โดยส่ง “ขวัญชัย วงศ์นิติกร” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย จะถูกย้ายให้ไปนั่งเป็นอธิบดี ปภ.

ส่วนเก้าอี้อธิบดี สถ. จะตกเป็นของ “วิเชียร ชวลิต” อธิบดี พช. คนปัจจุบัน อดีต ผวจ.สุรินทร์ จะมารับตำแหน่งนี้ ขณะที่เก้าอี้อธิบดี ปค. ยังไม่ชัดเจนนัก แต่คาดว่า “ศักดิ์สยาม” กำลังพิจารณารุ่นพี่ “สิงห์แดง” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีความใกล้ชิดอยู่หลายคนมาดำรงตำแหน่งนี้ โดยมีชื่อของ “สุรชัย ขันอาสา” ผวจ.สมุทรปราการ เป็นแคนดิเดตคนสำคัญด้วย

นาทีนี้ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้ง จ.บึงกาฬ ที่แยกตัวออกจาก จ.หนองคาย ซึ่งทำให้ได้ใจประชาชนกว่า 3 แสนคนไปเต็มๆ งานนี้ก็มีสิทธิที่พรรคภูมิใจไทยจะแย่งสัดส่วน สส.จากพรรคเพื่อไทยได้อย่างน้อย 2-3 คน มินับรวมถึงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กระทรวงมหาดไทยทุ่มงบประมาณจัดงาน “118 ปี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” อย่างเอิกเกริกที่สโมสรกองทัพบกด้วย

ทั้งหมดนี้คือภาพการขยายตัวและบารมีของพรรคภูมิใจไทยที่สามารถยึดกุมอำนาจรัฐและกลไกทางการเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ต้องติดตามว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน ไม่นานรู้กัน