เกมไล่บี้ตดีบีทีเอสเรียกคะแนนสงสารสุขุมพันธุ์
คล้อยหลังไม่กี่วัน หลัง “ประชาธิปัตย์” ประกาศส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงรักษาเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ต่ออีกสมัย
คล้อยหลังไม่กี่วัน หลัง “ประชาธิปัตย์” ประกาศส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงรักษาเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ต่ออีกสมัย
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินเกมรุกตั้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้บริหาร กทม. และพวก 9 คน พร้อมนัดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 9 ม.ค.
ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 กรณีต่อสัญญาขยายระยะเวลาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 13 ปี จากระยะเวลาสัมปทานที่เหลืออยู่ 17 ปี รวม 30 ปี
พร้อมทำหนังสือถึง รมว.มหาดไทย เสนอให้ยกเลิก หรือสั่งให้ผู้ว่าฯ กทม. ยกเลิกนิติกรรมดังกล่าว
การขยับของดีเอสไอในจังหวะเวลาเช่นนี้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกข้อครหาว่าเป็นการรับลูกจากฝั่งการเมือง หวังผล “ดิสเครดิต” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชิงตัดคะแนนว่าที่ผู้สมัครจากประชาธิปัตย์ พร้อมเปิดแผลให้รุมถล่มในห้วงเวลาต่อจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง
ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อปมปัญหานี้เป็น “จุดอ่อน” สำคัญ ที่ “เพื่อไทย” หยิบยกขึ้นมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะส่งไม้ต่อไปยังดีเอสไอดำเนินการเอาผิด
แม้แต่กระบวนการคัดเลือกผู้สมัครของประชาธิปัตย์ วิตกกังวลว่าจะทำให้เสียเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ฐานที่มั่นสำคัญ หลังจากที่ผูกขาดแชมป์ต่อเนื่องมา 3 สมัย ถึงขั้นมีแนวคิดจะเปลี่ยนตัวผู้สมัคร
ทว่า ในขั้นตอนการแสดงวิสัยทัศน์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ยืนยันความถูกต้องในการดำเนินการว่าได้ตรวจสอบแล้ว และทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และสามารถชี้แจงทำความเข้าใจกับสาธารณชนในรายละเอียดได้อย่างชัดเจน จนกรรมการบริหารพรรคฟันธงส่งคุณชายหมูลงรักษาแชมป์อีกรอบ
เพราะอย่าลืมว่าการออกมาเปิดหน้าไล่บี้เล่นงานฝ่ายค้านของ “ดีเอสไอ” แบบไม่ต้องแอบ ไม่ต้องเม้ม เวลานี้
แม้ด้านหนึ่งส่งผลให้ “ประชาธิปัตย์” ซวนเซไปกับแรงเสียดทานเหล่านี้ไปไม่น้อย ไหนจะต้องมาพะวักพะวน เสียเวลา เสียสมาธิ มาเคลียร์คดี ชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวกรุง นอกเหนือไปจากการหาเสียงชี้แจงนโยบายซื้อใจคนกรุง
แต่อีกด้านหนึ่งอาจนำไปสู่ปรากฏการณ์ “กระแสตีกลับ” ที่กลับมาเห็นใจ “ประชาธิปัตย์” ที่กำลังตกเป็นฝ่ายถูกกระทำจากกลไกอำนาจรัฐ
ไม่ใช่เฉพาะคดีการต่อสัญญารถไฟฟ้าของ กทม.เท่านั้น เพราะระยะหลังที่ผ่านมา “ดีเอสไอ” เปิดเกมไล่บี้ “แกนนำ” ประชาธิปัตย์ในหลายคดี
ที่สำคัญ การดำเนินคดีเหล่านี้ถูกมองว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง รับลูกจากฝ่ายการเมืองไปดิสเครดิตคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามมากกว่าหวังผลทางคดีอย่างแท้จริง
ทั้งคดี “ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล” ที่ดีเอสไอกำลังไล่เอาผิด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เมื่อครั้งการชุมนุมทางการเมืองจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ศพ
รวมทั้งคดีเงินบริจาคน้ำท่วมจากบริษัท อีสท์วอเตอร์ เมื่อปลายปี 2554 ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ต่อเนื่องด้วยคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ “อภิสิทธิ์” หักจากเงินเดือนตัวเอง เดือนละ 2 หมื่นบาท ที่ดีเอสไอจ่อจะตั้งข้อหาเพิ่มเติม
คดีต่างๆ เหล่านี้จึงอาจแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนสงสารกลับมายังประชาธิปัตย์
ย้อนดูทิศทางการต่อสู้ขณะนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พยายามดึงประเด็นเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสมาเป็นตัวประกัน โดยให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาอย่างรอบคอบ หากจะรับลูกจากดีเอสไอเพื่อมายกเลิกสัญญาเจ้าปัญหา
แถมเล็งเตรียมหาช่องทางดำเนินคดีกับอธิบดีดีเอสไอ ว่า เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 200 หรือไม่ รวมทั้งเตรียมดำเนินการกล่าวโทษต่อศาลอาญา เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
พร้อมยืนยันเด็ดขาดว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสัมปทาน แต่เป็นสัญญาว่าจ้างโดยใช้ทรัพย์สินของ กทม. ซึ่งรายได้ทั้งหมดของโครงการจะตกเป็นของ กทม. เป็นการดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ของ กทม.อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งกระบวนการพิจารณาขั้นตอนตามกฎหมายก็คงจะต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะรู้ผล ซึ่งคงเลยวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้ว
แต่นี่ยังเป็นเพียงแค่ “คดีแรก” เพราะยังมีอีกหลายแผลที่เชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คงจะโดนถล่มตลอดช่วงเวลาหาเสียง เมื่อ “เพื่อไทย” ทิ้งเชื้อ ยื่นเรื่องไปยังดีเอสไอให้ตรวจสอบการกระทำผิด ซึ่งกว่าจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. น่าจะมีอีกหลายคดี
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบอุโมงค์ยักษ์ 7 แห่งของ กทม. หรืองบลอกท่อระบายน้ำของ กทม. ที่ “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” โฆษกเพื่อไทย เคยยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเงื่อนงำความผิดปกติ และทางพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
ไปจนถึงโครงการก่อสร้างสนามกีฬา บางกอก ฟุตซอล อารีนา ที่ทาง “จิรายุ ห่วงทรัพย์” รองโฆษกเพื่อไทย ร้องต่อดีเอสไอให้สืบสวนสอบสวนใน 5 ประเด็น ที่อาจเข้าข่ายทำผิด พ.ร.บ.ฮั้ว และระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างของ กทม.
คดีต่างๆ เหล่านี้ จึงเป็นอีกอุปสรรคที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คงต้องเจออีกหลายดอก ส่วนผลสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกระแสตีกลับ เรียกคะแนนสงสารให้ประชาธิปัตย์หรือไม่ คงต้องรอติดตามกันวันเลือกตั้ง