งดงามข้ามทศวรรษ แฟชั่นหมวกสารพัดสไตล์จาก ‘ควีนเอลิซาเบธที่ 2’
หนึ่งในภาพจำของพระองค์ท่านที่เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเห็นจนชินตา คือแฟชั่น ‘หมวก’ ที่มีสารพัดสไตล์แบบไม่ซ้ำ วันนี้เราลองมาสำรวจกันว่าสไตล์หมวกแต่ละทรงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยสวมใส่ มีทรงไหนสไตล์อะไรกันบ้าง
"การสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้" ข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ เชื่อว่าคงสร้างความตกใจและเศร้าสลดให้กับโลกนี้ได้อยู่ไม่น้อย ด้วยระยะเวลาครองราชย์อันยาวนานกว่า 70 ปี พระองค์ทรงสร้างความทรงจำที่แสนน่าประทับใจไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉลองพระองค์หลากสีสัน การมีส่วนร่วมในพิธีเปิดโอลิมปิก ณ กรุงลอนดอน หรือแม้กระทั่งการปรากฎตัวในภาพยนตร์สั้นแฝงอารมณ์ขันกับคุณหมีแพดดิงตัน ที่ใครได้เห็นก็อดยิ้มตามไม่ได้
นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว หนึ่งในภาพจำของพระองค์ท่านที่เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเห็นจนชินตา คือแฟชั่น ‘หมวก’ ที่มีสารพัดสไตล์แบบไม่ซ้ำ วันนี้เราลองมาสำรวจกันว่าสไตล์หมวกแต่ละทรงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยสวมใส่ มีทรงไหนสไตล์อะไรกันบ้าง
The Tam
หมวกทรง Tam o'Shanter เป็นหมวกที่ถูกตั้งชื่อตามบทกวีชื่อดังของ Robert Burns นักกวีชาวสกอตเเลนด์ หมวกชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในแผ่นดินสกอตช่วงปลายปี 1500 ถึง 1800 ความโดดเด่นของหมวกชนิดนี้คือจะมีพู่อยู่ตรงกลางหมวก ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในปี 1915 Tam o’Shanter ถูกนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายของกองทัพสกอตแลนด์ แคนาดา และออสเตรเลีย ก่อนจะกลายเป็นที่นิยมในหมู่สตรีเพศช่วงปี 1920 ซึ่งสมาชิกราชวงศ์อังกฤษก็ได้นำหมวกสไตล์นี้มาประยุกต์ใช้เช่นเดียวกัน
The Halo
คำว่า ‘Halo’ มีความหมายถึง ‘การทรงกลด’ หรือ ‘รัศมี’ ที่แผ่ออกมา การที่หมวกชนิดนี้ได้ชื่อว่าทรง Halo คาดว่าเกิดจากลักษณะหมวกที่มีความเป็นวงกลมปีกกว้าง คล้ายกับพระอาทิตย์ทรงกลด หมวกชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในช่วงปี 1880 และกลับมาฮิตระเบิดระเบ้ออีกครั้งในปี 1930 จากการที่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษนำกลับมาสวมใส่
The Homburg
Homburg ถือเป็นสไตล์หมวกที่ทางการขึ้นมาหน่อย ลักษณะที่โดดเด่นของหมวกชนิดนี้คือมีรอยบุ๋มกลางหัว ปีกหมวกเชิดขึ้นแบบแข็งทื่อ เดิมทีหมวกชนิดนี้ถือเป็นไอเท็มเครื่องแต่งกายสำหรับชายชาวเยอรมันยุค 1800 และจะใช้แค่ในงานทางการเท่านั้น ก่อนกลายมาเป็นที่นิยมจากการที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 นำมาสวมใส่ และนักการเมืองต่างๆก็เริ่มตามเทรนด์ มิหนำซ้ำหมวกชนิดนี้ยังถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง Godfather ด้วยเช่นกัน
The Matador
หมวกสไตล์ Matador จะมีลักษณะที่คล้ายกับทรง Boater คือเป็นหมวกปีกกว้าง มีลักษณะเป็นทรงสูง เชื่อว่าตลอดระยะเวลาครองราชย์เราคงได้เห็นควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวมหมวกสไตล์นี้อยู่บ่อยครั้งจนแทบจะกลายเป็นแฟชั่นประจำตัวกันเลยทีเดียว
The Casque
หมวกทรง The Casque มีความคล้ายกับทรงหมวกกันน็อค แต่ถูกตกแต่งมาแล้วอย่างดี ซึ่งหมวกชนิดนี้เริ่มเป็นที่นิยมในปี 1950
The Fascinator
ไอเท็มชนิดนี้ได้รับความนิยมในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นอย่างมาก หลังจากนั้น Fascinator เริ่มถูกนำมาใช้บนเวทีแฟชั่นโชว์และในกระแส Pop culture มากขึ้น แน่นอนว่ารวมถึงในซีรีส์ยอดฮิตอย่าง “Sex And the City” ด้วย สมาชิกราชวงศ์อังกฤษเริ่มมีการนำแฟชั่นเครื่องหัวสไตล์นี้มาประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในพิธีวิวาห์ หรือวันชาติ
The Bowler
หมวกทรง Bowler เป็นหมวกแข็งทรงกลม ผลิตขึ้นในปี 1849 โดย Thomas และ William Bowler นักทำหมวกชาวลอนดอน เริ่มแรกแฟชั่นหมวกสไตล์นี้เป็นที่นิยมมากในชนชั้นแรงงาน ก่อนที่ชนชั้นกลางและชั้นสูงจะเริ่มนิยมตาม จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเมื่อนักแสดงตลกอย่าง ชาร์ลี แชปลิน สวมใส่จนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
The Pillbox
หมวกทรง The Pillbox เป็นหมวกทรงกลมใบเล็กๆ ไม่มีปีก เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องและได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมวกของทหารในยุคโรมัน หมวกทรงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักและเริ่มแพร่หลายจากการสวมใส่ของ แจ็กเกอรีน เคเนดี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เพราะเชื่อว่าเป็นหมวกที่สาวสังคมชั้นสูงนิยมใส่กัน
The Turban
The Turban หรือ แฟชั่นผ้าโพกหัว เป็นหนึ่งในแฟชั่นที่มีความเก่าแก่และมีความเป็นตำนานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งแฟชั่นในรูปแบบนี้มีความเกี่ยวข้องและได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนา ต้นกำเนิดของแฟชั่นผ้าโพกหัวแบบนี้เชื่อว่าเกิดขึ้นจากแดนกระทิงดุสเปนเป็นที่แรก และเริ่มได้รับความนิยมในช่วงปี 1920, 1960 และ 1970 จากการนำมาประยุกต์ใส่ของสตรีในยุคนั้น
จะเห็นได้ว่าหมวกแต่ละทรง แต่ละสไตล์ ต้นกำเนิดอาจไม่ได้หวือหวามากนัก มิหนำซ้ำบางสไตล์ยังมีจุดกำเนิดมาจากชนชั้นแรงงาน แต่กว่าจะมาเป็นที่นิยมได้คือต้องผ่านการหยิบจับและถูกนำมาใช้จากชนชั้นกลางค่อนไปทางสูงก่อน สิ่งนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมที่ต้องการยกระดับทางสังคมของคนธรรมดา เพราะตราบใดที่รู้สึกว่าได้ใช้ไอเท็มแบบเดียวกับชนชั้นสูง ช่องหว่างทางความรู้สึกว่าเรานั้นมัน ‘คนละชั้น’ คงขยับลดลงไปบ้าง


