ผศ.พญ.ชลทิพย์ วิรัตกพันธ์ สุขแบบครอบครัวคุณหมอ
ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวของคุณหมอจริงๆ ผศ.พญ.ชลทิพย์ วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ
ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวของคุณหมอจริงๆ ผศ.พญ.ชลทิพย์ วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ
โดย...วันพรรษา
ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวของคุณหมอจริงๆ ผศ.พญ.ชลทิพย์ วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ และผู้ช่วยหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยาฝ่ายประกันคุณภาพการบริการ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล วันหนึ่งๆ มีงานรัดตัวตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่คุณหมอบอกว่าไม่เหนื่อย ไม่ท้อแท้ใดๆ เพราะพลังกายพลังใจเต็มร้อย
ผศ.พญ.ชลทิพย์ คุณหมอคนเก่งแห่งภาควิชารังสี โรงพยาบาลรามาธิบดีคนนี้ เป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น เนื่องจากทั้งบิดามารดาของคุณหมอก็มีอาชีพเป็นหมอเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่มารดา ศ.พญ.ลักษณา โพชนุกูล อดีตคือหมอใหญ่ รองคณบดีฝ่ายงานคลัง และหัวหน้าภาควิชารังสีวิทยาของโรงพยาบาลรามาธิบดี ส่วนบิดา ศ.นพ.ชาญ โพชนุกูล อดีตเป็นอายุรแพทย์โรคไตอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไม่เพียงแต่เท่านี้ หากสามี นพ.โชติ วิรัตกพันธ์ ก็ยังเป็นหมอด้วย
คุณหมอชลทิพย์ หรือคุณหมอชล เล่าด้วยรอยยิ้มว่า วิชาชีพหมอ แม้หลายคนจะมองว่าเครียด เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็ได้ข่าวว่าไม่ค่อยอยากเป็นหมอกันแล้ว อันที่จริงอาชีพหมอก็เครียดจริงๆ (อ้าว) คุณหมอหยอดมุขตามมาว่า อาชีพนี้ไม่ใช่เครียด หากเป็นงานที่ต้องตั้งใจมุ่งมั่นและเสียสละมากกว่า โชคดีที่ได้ซึมซับความรักความชอบในอาชีพหมอมาตั้งแต่เด็ก ได้เห็นทั้งคุณพ่อคุณแม่เต็มที่กับงานในหน้าที่ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นความสุขและความปลื้มปีติใจ
“เวลาที่ได้เห็นคนไข้ของเราหายเป็นปกติ มันคือความสุขและความรู้สึกที่ไม่มีอะไรเทียบได้จริงๆ ค่ะ” คุณหมอชลเล่า
ปัจจุบันคุณหมอชลทิพย์รับผิดชอบดูแลศูนย์วินิจฉัยเต้านมที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ลุยงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าที่ต้องมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ก่อนจะเริ่มอ่านฟิล์ม ตรวจคนไข้ สอนนักศึกษาแพทย์และประชุมงานวิชาการในแต่ละวัน ยาวเหยียดถึงมืดค่ำเพราะต้องดูแลคลินิกพิเศษงานรังสีที่รามาฯ ด้วย งานคุณหมอจริงๆ แล้วไม่ได้เริ่มตอน 7 โมงเช้า แต่เริ่มตั้งแต่ตี 5 โดยต้องตื่นเช้ามาดูแลลูกเล็กๆ 2 คนที่บ้านด้วย
ไม่ง่ายก็ต้องง่าย คุณหมอต้องตื่นแต่เช้า ดูแลลูกชายลูกสาว คือ ด.ช.กิตติชาญ วิรัตกพันธ์ หรือน้องพี วัย 9 ขวบ และ ด.ญ.อารียา วิรัตกพันธ์ หรือน้องแพร วัย 5 ขวบ ทั้งคู่เข้าโรงเรียนแล้ว หน้าที่คือแบ่งกันกับสามี ส่งลูกไปโรงเรียนตอนเช้ากันคนละคน คุณหมออมยิ้มบอกว่า ยุติธรรมดี (ฮา) เด็กๆ เริ่มมีความคิดอ่านเป็นตัวของตัวเอง คุณหมอในฐานะแม่ก็ปลื้มน่ะสิ
“เลี้ยงไม่ยากค่ะ ดูแลตามวัย โชคดีที่แม้เราจะทำงานเลิกค่ำมืดทั้งคู่” คุณหมอชลพูดถึงสามีซึ่งเป็นศัลยแพทย์โรงพยาบาลเอกชน
“แต่ก็ได้คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน มาช่วยรับหลานๆ จากโรงเรียน ดูแลช่วงเย็น รับประทานอาหาร ทำการบ้าน ซึ่งก็หมดห่วงค่ะ เพราะคุณตาคุณยายดูแลเอง”
ส่วนสุดสัปดาห์ก็เป็นเวลาของครอบครัว คุณหมอชลเล่าว่าเป็นช่วงเวลาของกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับเด็กในวัยนี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ และถือเป็นช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน เรียนรู้อย่างสนุกสนานร่วมกันไปกับลูกๆ นั่นเอง นอกจากจะเรียนพิเศษต่างๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียน ตั้งแต่บัลเลต์ ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรือบางครั้งบางทีก็ถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดใกล้ๆ สร้างเสริมประสบการณ์ ลูกได้เที่ยวและแม่ก็ได้พักเหนื่อย
เป็นหมอกันหมดทั้งบ้าน ถามคุณหมอว่าลูกทั้งสองอยากจะให้เป็นหมอด้วยหรือไม่ คุณหมอชลบอกว่า อาชีพนี้ต้องถามตัวเองว่า ชอบจริงหรือเปล่า เพราะหมอคืองานบริการที่ต้องทุ่มเทด้วยจิตอาสาเสียสละ สอบเข้ายากและเรียนก็หนักมาก ต้องมีวินัยในตัวเอง มีวินัยในการเรียนการศึกษา ต้องมีคุณธรรม เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้อื่น ว่าแล้วคุณหมอก็หัวเราะเสียงใส ก่อนจะตอบว่า เดี๋ยวโตขึ้นมาแล้วจะต้องตอบคำถามแม่ให้ผ่านก่อน ถึงจะไปเป็นหมอได้นะเนี่ย!


