สู่ถ้ำโพธิสัตว์‘ตั๊กม้อ’ปฏิสันถารกับพระจีน (ตอน๖)
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
ตามที่ทราบว่า หลวงพ่อได้เดินทางไปเจริญสมณธรรมที่ถ้ำปรมาจารย์ตั๊กม้อ วัดเส้าหลิน ประเทศจีน จึงใคร่ขออาราธนาให้เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์เพื่อเป็นแนวทางศึกษาปฏิบัติของสาธุชน และจะได้ร่วมอนุโมทนาในการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้ด้วย
เคารพอย่างสูง
อารีย์ เตชะหรูวิจิตร
ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์กลาง
วิสัชนา : เป็นไปตามวิสัยของชาวโลก อำนาจตรงนี้เรียกว่า อำนาจของอวิชชา คือ ความไม่รู้ ที่ปกคลุมเกิดขึ้น อำนาจของความไม่รู้ โคจรเข้ามาปกคลุมจิต ให้จิตเศร้าหมองและมืดมัว ความสำคัญในการสอนในพระศาสนา ทำอย่างไรที่จะเปลื้องอารมณ์ เปลื้องความเศร้าหมองนี้ออกไปจากจิต จนจิตนั้นเข้าสู่ความเป็นพุทธภาวะ เป็นตัวรู้ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นไม่ว่ามหายานหรือเถรวาท ต้องกลับไปหาพุทธองค์เดิม ก็คือ การสอนให้เข้าสู่ตัว รู้ ตื่น เบิกบาน เข้าสู่ “พุทธภาวะ” แต่การจะเข้าไปรู้ ตื่น เบิกบาน หรือพุทธภาวะดังกล่าวได้ มันไม่ใช่เดินทางทีเดียวถึง มันไม่ใช่สำเร็จด้วยความนึกคิด มันต้องปฏิบัติ การปฏิบัติจึงมี ๒ ส่วน สำหรับบุคคลในโลก ณ ปัจจุบัน คือ ๑.ทำให้สงบก่อน ๒.ค้นคว้าจนรู้ความจริงในความสงบนั้นของจิต
กลับมาขอพูดเรื่อง สมถะและวิปัสสนา อันเป็นวิธีการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม วิธีการการปฏิบัติที่ให้จิตทุกๆ องค์ขณะนี้มีสมถะ คือ มีความสงบ ให้นิ่งเหมือนกับน้ำที่ไม่กระเพื่อมแล้ว เพื่อค้นคว้ามองให้เห็นความจริงในความนิ่งนั้น จนพบความจริงในความนิ่งนั้น ตรงนี้เป็นจุดที่สำคัญมาก ต้องทำจิตให้นิ่งก่อน วิธีการตรงนี้จึงกล่าวว่า เราจึงอาศัยวิธีการทำฌาน ซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมในชมพูทวีป ฌานที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อนำมาสอน เป็นวิธีการดั้งเดิมในชมพูทวีป เป็นวิชาก่อนพระพุทธศาสนา
ถ้าจำกันได้ตรงนี้ ตามประวัติของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะบรรลุธรรมที่พระศรีมหาโพธิ์ วันวิสาขบูชา ขณะนั้นยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า ทรงศึกษาจากฤาษี ๒ ตน ในรูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ ต่อมาพระพุทธเจ้ามาบำเพ็ญเพียรอีก ๖ ปี ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเรียกว่า ดงคสิริ อยู่ใกล้กับพุทธคยา จาก ๖ ปีดังกล่าว สุดท้ายจึงตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง เมื่อค้นคว้าไปทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าวิธีการที่ทำให้ตรัสรู้ได้คือ “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือ ทางสายกลาง ประกาศทางสายกลาง คือ องค์ธรรม ๘ ประการ บนเส้นทางปฏิบัติธรรมนี้ สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ (๘ องค์ธรรม) รวมแล้วย่อลงมา คือ ศีลสมาธิปัญญา ที่เรารู้จักกัน
วันนี้จะมาพูดสั้นๆ เรื่องการทำฌาน ฌานเป็นมรรคของจิต คือเส้นทางของจิตไปสู่ความสงบ โดยให้จิตเพ่งรู้ในอารมณ์เดียว การเพ่งรู้ของจิตในอารมณ์เดียว จนที่สุดจิตรวมตัวสู่ความเป็นหนึ่ง แน่วแน่ เข้มแข็ง สู่ความเป็นหนึ่งได้ อำนาจฌานจึงเกิดขึ้น เพ่งรู้อย่างไม่พิจารณา เช่น เพ่งวัตถุใดวัตถุหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ให้จิตรวมอยู่ในวัตถุนั้น แน่วแน่นิ่งอยู่ในอารมณ์นั้น อำนาจฌานก็จะเกิดขึ้น องค์ธรรมของฌานมี ๕ องค์ ตัวที่หนึ่ง บาลีเรียกว่า วิตก คือ จิตยกขึ้นสู่อารมณ์ ยกขึ้นสู่กรรมฐานแล้ว ตัวที่สอง บาลีเรียกว่า วิจาร เสวยในอารมณ์นี้ ตัวที่สาม ปีติ จิตเกิดอิ่มเอิบ ซาบซ่าน แผ่ออกมา ตัวที่สี่ ความสุข สุขเกิดขึ้นหลังจากปีติ อิ่มแล้ว ตัวที่ห้า หลังจากสุขแล้วเป็น อุเบกขา ที่เป็นจิตหนึ่งเดียว จิตเป็นหนึ่งเดียวและอารมณ์เดียว เอกัคคตาจิต จิตเป็นกลาง เหนือรักชัง ทั้ง ๕ องค์นี้ คือ องค์ธรรมของรูปฌาน
คำถามจากการปฏิบัติ
พระสงฆ์จีน ในเรื่องฌาน ๔ ถามจั๋งเหล่าว่า ใจกับจิตที่จั๋งเหล่าบำเพ็ญมาแล้ว จะรู้สึกว่ามีความก้าวหน้า จะเป็นอย่างไร ความง่วง หรืออะไรต่างๆ จิตกับใจจะเป็นอย่างไร
หลวงพ่อ ถามเรื่องสมาธิ เรื่องฌานใช่ไหม จากการที่ปฏิบัติมา สภาพแห่งความหลับอะไรต่างๆ หรือความง่วง เมื่อเราอยู่ในสมาธิ หรือปกติจะไม่มี ปัจจุบันยังไม่ได้นอนเลย ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เรื่องฌาน หรือเรื่องสมาธิ ต้องรู้จักนิวรณ์ ๕ รู้ไหม! สิ่งที่ทำให้จิตเราไม่สามารถเข้าสู่ความตั้งมั่นได้
พระสงฆ์จีน อยากจะถามว่า นิวรณ์ ๕ ตัวนี้จะจัดการได้อย่างไร
หลวงพ่อ นิวรณ์ ๕ – กามฉันทะ (ความรัก) ปฏิฆะ (ความชัง) ความสงสัยในธรรม ความฟุ้งซ่าน ความหดหู่เบื่อหน่าย ความหลับ ตรงกันหรือไม่ ๕ ตัวนี้
พระสงฆ์จีน ตรงกัน
อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้


