อัศจรรย์ใจใน The Art Science Museum ณ แดนลอดช่อง
ในที่สุดเราก็มายืนจังก้า ทำหน้าเหวอๆ ณ พิพิธภัณฑ์ “The Art Science” ก่อนมารู้คร่าวๆ แค่ว่า ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของชาวเมืองลอดช่องสิงคโปร์
ในที่สุดเราก็มายืนจังก้า ทำหน้าเหวอๆ ณ พิพิธภัณฑ์ “The Art Science” ก่อนมารู้คร่าวๆ แค่ว่า ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของชาวเมืองลอดช่องสิงคโปร์
โดย...วิชช์ญะ ยุติ
ในที่สุดเราก็มายืนจังก้า ทำหน้าเหวอๆ ณ พิพิธภัณฑ์ “The Art Science” ก่อนมารู้คร่าวๆ แค่ว่า ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของชาวเมืองลอดช่องสิงคโปร์ แถมด้วยคำร่ำลือกันประมาณ...อลังการ หรูหรา แอนด์ ไฮโซไม่ใช่น้อย
วันนั้นจำได้แม่น คนเยอะมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ดูแล ภัณฑารักษ์และสื่อจากทั่วโลก
ไม่นานภัณฑารักษ์ฝรั่งนางหนึ่งก็มาต้อนกรุ๊ปพวกเราเข้าไปด้านใน นัยว่าได้เวลาที่ฉันจะอวดโฉมของดีพิพิธภัณฑ์แล้วนะ (ยะ)
ภายใต้บรรยากาศอันโอ่อ่าอลังการด้วยรูปแบบโครงสร้างทันสมัย ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งสัญลักษณ์ทางความนึกคิดมากมาย
บนพื้นที่กว่า 5 หมื่นตารางฟุต ที่นี่โดดเด่นเห็นแต่ไกล ตั้งตระหง่านเคียงข้างตึกหรูหรา “มารีนา เบย์ แซนด์ส”
เรามีโอกาสยืนพินิจจากมุมสูง รูปลักษณ์ภายนอกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถจะตีความเป็นอะไรได้ตั้งร้อยแปด ดอกไม้สักชนิด นิ้วมือที่กำลังผายออกหรือไม่ก็เป็นยานอวกาศในหนังไซไฟ บางอารมณ์ก็ชวนนึกถึงกล้วยหวีใหญ่ (ซะงั้น)
คำตอบได้รับการเปิดเผยจากปากสถาปนิกชื่อก้อง “โมเซ ซาฟได” แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาอยากสื่อถึง ก็คือจิตวิญญาณของสิงคโปร์ โดยสะท้อนผ่านกลีบดอกบัว ที่กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม เพื่อต้อนรับทักทายผู้มาเยือน ได้สัมผัสกลิ่นอายความบริสุทธิ์สดใส
การออกแบบกลีบบัวนั้น ผู้ออกแบบไม่เพียงแค่คำนึงถึงความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังเน้นรายละเอียดทางความหมายอีกด้วย แต่ละกลีบแสดงให้เห็นความแตกต่างของพื้นที่แต่ละแกลเลอรีที่รับแสงส่องจากท้องฟ้าเป็นแสงเงาบนผนังที่ชวนหลงใหลยิ่งนัก
“ดอกบัวรูปทรงเรขาคณิตนี่เป็นหนึ่งในการออกแบบที่ยุ่งยากที่สุด แต่เพื่อความลงตัวของพิพิธภัณฑ์ ผมจึงต้องถอดแบบตามหลักเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ โดยที่หลังคาทรงจานจะช่วยเปิดทางระบายน้ำฝนให้ไหลลงห้องโถงกลางของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีสระน้ำอยู่เบื้องล่าง กลายเป็นน้ำตกสูง 35 เมตร อันตระการตา” โมเซ บอก
คุยกับนักออกแบบไปไม่หนำใจ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ “ทอม ซาลเลอร์” จึงขอขยายความถึงคอนเซปต์การสร้างสรรค์พิพิธภัณฑ์ว่า สิ่งที่เชื่อมโยงงานศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ต่างก็อาศัยสัญชาตญาณของการช่างสังเกตเป็นตัวช่วย ตลอดจนการไม่หยุดนิ่งที่จะค้นหาไอเดียแปลกใหม่
ขาดไม่ได้เลย ภูมิปัญญาที่ธรรมชาติมอบให้ ล้วนหล่อหลอมให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ อันมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ความสงสัยใคร่รู้ แรงบันดาลใจ แล้วก็การแสดงออก
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ของที่นี่ (สมคำเขาโม้ไว้แหละ) นั่นคือมีแกลเลอรีซ่อนตัวอยู่ในนี้มากถึง 21 แห่ง ใครอยากดูจนครบก็ต้องยอมแลกกับการเดินขาลาก ถ้าได้ไปแนะนำว่าควรลองสักครั้ง จะคุ้มค่ามากๆ เพราะแต่ละแกลเลอรีแสดงผลงานไม่ซ้ำกันเลย
นิทรรศการถาวร นิทรรศการหมุนเวียน ตื่นตาตื่นใจไม่รู้เบื่อ ความรู้วิทยาศาสตร์ สอดแทรกไปกับงานอาร์ตๆ นำเสนอด้วยอุปกรณ์มัลติมีเดียสุดไฮเทค ที่สำคัญ ระบบซาวด์และภาพกราฟฟิก เรียกว่าไม่เสียยี่ห้อพิพิธภัณฑ์เบอร์หนึ่งของเอเชีย
ด้วยเวลาจำกัด เราชะแว้บแวะเข้าไปดูนิทรรศการขุมทรัพย์ราชวงศ์ถัง ซึ่งรวบรวมผลงานชิ้นเอกอุไว้เพียบ แต่ละชิ้นประเมินค่ามิได้ อายุทางประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 1,100 ปี แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เห็นจะเป็นความสมบูรณ์ของสมบัติที่เรียงรายจนละลานตา ยังคงความงดงามเกินบรรยาย แจกันดินเผา ถ้วยเคลือบ เครื่องทองเหลือง ปรากฏกายให้เห็นจะแจ้ง โดยไม่ได้จำแลงแต่อย่างใด
อีกงานที่ประทับใจ แกลเลอรีแสดงประดิษฐกรรมแขวนลอยขนาดใหญ่ 6 ชิ้น เปรียบเสมือนตัวแทนนวัตกรรมสร้างสรรค์ยุคต่างๆ โดยมีความสำคัญทั้งแง่ศิลปะและเชิงวิทยาศาสตร์จนแยกจากกันไม่ได้ ตั้งแต่ เลโอนาร์โด ดาวินชี กับผลงาน Flying Machine ตะเกียงขงเบ้ง ปลายนต์ไฮเทค แบบจำลองโมเลกุล บัคกีบอล จนถึงการจารึกแผ่นหนังของชาวจีนโบราณ
ไหนๆ ก็พูดถึงจีนโบราณ ขอแถมนิทรรศการเจงกิสข่าน ยกมาให้ดูแบบเต็มคอลเลกชัน อดีตอันรุ่งโรจน์ในฐานะกษัตริย์นักรบผู้เกรียงไกรและการล่มสลายของอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ โดยไฮไลต์จะอยู่ที่สมบัติหายาก เครื่องประดับกับทองรูปพรรณที่ออกแบบลวดลายได้อย่างมีเอกลักษณ์ เสื้อคลุมผ้าไหม เครื่องถ้วยชาม รวมทั้งซากมัมมี่ ว่ากันว่า ซากที่นอนแอ้งแม้งแห้งเหี่ยวในตู้กระจกนั้นคือ ร่างไร้วิญญาณของเจงกิสข่าน
ใครได้ไปเยือนสิงคโปร์ The Art Science Museum ยังรอต้อนรับอยู่ทุกเมื่อ เสพงานศิลปะพร้อมเต็มอิ่มกับเรื่องราววิทยาศาสตร์ ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว สนใจคลิกดูรายละเอียดนิทรรศการ www.marinabaysands.com/ArtScienceMuseum


