เวียดนามลาว ตอนที่ 2 : เส้นทางแห่งทรัพยากรและโอกาสใหม่
พวกเราเริ่มออกเดินทางไปบนเส้นทางที่เรียกว่า Para EWEC เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านกันต่อ หลังจากที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนตลาดเช้าของปากเซ ได้พบเห็นความอุดมสมบูรณ์ของผลิตผลทางด้านการเกษตรซึ่งเป็นศักยภาพของแขวงจำปาสัก จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังแขวงเซกองและอัตตะปือ
พวกเราเริ่มออกเดินทางไปบนเส้นทางที่เรียกว่า Para EWEC เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านกันต่อ หลังจากที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนตลาดเช้าของปากเซ ได้พบเห็นความอุดมสมบูรณ์ของผลิตผลทางด้านการเกษตรซึ่งเป็นศักยภาพของแขวงจำปาสัก จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังแขวงเซกองและอัตตะปือ
โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา
พวกเราเริ่มออกเดินทางไปบนเส้นทางที่เรียกว่า Para EWEC เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านกันต่อ หลังจากที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนตลาดเช้าของปากเซ ได้พบเห็นความอุดมสมบูรณ์ของผลิตผลทางด้านการเกษตรซึ่งเป็นศักยภาพของแขวงจำปาสัก จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังแขวงเซกองและอัตตะปือ
ระยะทางจากเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ไปยังแขวงเซกอง ประมาณ 120 กิโลเมตร จากนั้นก็เดินทางอีกราว 80 กิโลเมตร จึงถึงยังเมืองสามักคีไซ แขวงอัตตะปือ พวกเราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ ซึ่งต้องยอมรับว่าอาหารการกินที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ สังเกตได้จากผู้ร่วมเดินทางในคณะของพวกเราที่ต่างก็เอร็ดอร่อยกับมื้อเที่ยงกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และหลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเที่ยงแล้ว พวกเราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ร่วมคณะซึ่งเป็นหนึ่งในคนไทยคณะแรกๆ ที่ทำการสำรวจเส้นทางสาย Para EWEC นี้ นั่นคือ คุณชวลิต องควานิช ประธานกรรมการที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้เล่าให้พวกเราฟังว่า 4 แขวงภาคใต้ของลาวนั้น ประกอบด้วย จำปาสัก เซกอง สาละวัน และอัตตะปือที่เรากำลังอยู่ในปัจจุบัน ส่วนเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้คือเพื่อสำรวจเส้นทางการเดินทางจากอุบลราชธานีมาสู่ที่นี่ และการประชุมร่วมกับทางเจ้าแขวงและกรรมการของแขวง เพื่อจะป้อนข้อมูลและรับข้อมูลจากทางแขวง แล้วนำไปให้นักลงทุนไทย เพื่อพิจารณาหาลู่ทางในการลงทุนที่แขวงอัตตะปือนี้
พวกเราเดินทางต่อไปอีกเล็กน้อยก็ถึงยังที่ทำการแขวงอัตตะปือ ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่านเจ้าแขวง ท่าน ดร.คำพัน พมมะทัด และหนึ่งในภารกิจของการเดินทางมายังแขวงอัตตะปือครั้งนี้ คือการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนจากประเทศไทย ซึ่งนำโดยท่านทูตพิษณุ จันทร์วิทัน เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และท่านทูตวิทวัส ศรีวิหค เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ หารือร่วมกับท่านเจ้าแขวงอัตตะปือ และคณะเจ้าหน้าที่แขวงซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จด้วยดี
แขวงอัตตะปือนั้น อยู่ทางตอนใต้ของประเทศลาว ห่างจากเวียงจันทน์ 970 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 5 เมือง ได้แก่ สามักคีไซ ไซเสดถา สะหนามไซ พูวง และสานไซ แขวงอัตตะปือมีประชากรประมาณ 1.2 แสนคน 11 ชนเผ่า ได้แก่ ลาว โอย ตะโอย เจ็ง สะดาง อาลัก ยาเหิน ซุ เบรา (ละแว) ตะเลียง แยะ ซึ่งร้อยละ 80 ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรม อัตตะปือเป็นแขวงที่กำลังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงโดยเฉพาะด้านกสิกรรม และป่าไม้ มีตัวเลขการส่งออกถึงปีละกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยสินค้าส่งออกสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นแขวงที่มีชายแดนด้านทิศใต้เชื่อมต่อไปยังประเทศกัมพูชา และทิศตะวันออกติดกับประเทศเวียดนาม นอกจากนี้แขวงอัตตะปือยังได้ชื่อว่าเป็นแขวงที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุมีค่า โดยเฉพาะซิลิกา และทองคำ ถึงขนาดมีกล่าวกันติดปากว่า “อัตตะปือปึ้งขายคำแลกไก่หัวหยอง ลงมุดน้ำโปโลขึ้นตั้งแต่คำ” ซึ่งความหมายโดยรวมหมายถึง “อัตตะปือเป็นแขวงที่อุดมไปด้วยทองคำ” และหากผู้อ่านท่านใดมีโอกาสเดินทางมายังที่ทำการแขวงอัตตะปือ ก็จะมีตัวอย่างของสายแร่ทองคำ นำมาจัดแสดงไว้ที่หน้าแขวง
ในด้านการลงทุนนั้นที่แขวงอัตตะปือยังไม่มีการลงทุนจากประเทศไทย โดยประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่ที่แขวงอัตตะปือในปัจจุบันคือ เวียดนาม ซึ่งลงทุนเกี่ยวกับยางพารา และมันสำปะหลัง และอินเดีย ซึ่งลงทุนเกี่ยวกับสายนำส่งไฟฟ้าแรงสูง เนื่องจากที่แขวงอัตตะปือมีแหล่งไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนไฟฟ้าห้วยเฮาะ และกำลังจะก่อสร้างเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ ซะกะหมาน 1 และน้ำกง 1
หลังการเข้าเยี่ยมคารวะท่านเจ้าแขวงอัตตะปือและการประชุมหารือของทั้งสองประเทศแล้ว พวกเราก็มีโอกาสเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งกำลังมีการจัดงานบุญแข่งเรือ บรรยากาศก็สนุกสนานคล้ายๆ กับงานวัดงานบุญในประเทศไทย แต่สิ่งที่พิเศษที่พวกเราพบที่นี่ซึ่งแสดงถึงความเจริญทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารของประเทศลาว นั่นก็คือโทรศัพท์มือถือซึ่งมีระบบ 3G ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และอัตราค่าบริการที่ไม่แพงอีกด้วย
หลังจากได้ร่วมสนุกสนานกับงานบุญแข่งเรือของชาวอัตตะปือกันแล้ว พวกเราก็เดินทางสู่ที่พักในค่ำคืนแรกที่โรงแรมอัตตะปือ ภาพความสงบ ง่าย งามของโรงแรมแห่งนี้ ก็ทำให้ใครต่อใครหลายคนในคณะอยากจะพักที่นี่อีกหลายคืนเลยทีเดียว นอกจากนั้น ค่ำคืนแรกที่อัตตะปือของพวกเรา ยังได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญในวันพระใหญ่ของชาวลาวอีกด้วย
พวกเราเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสด้วยอาหารเช้าที่โรงแรมอัตตะปือพาเลซ และออกเดินทางกันต่อโดยมีจุดหมายแรกคือ ตลาดเช้าที่อัตตะปือซึ่งก็คล้ายๆ กับตลาดปากเซของแขวงจำปาสักในตอนเช้าๆ ที่พวกเราไปเยือนมาแล้ว นั่นก็คือมีพืชผักสดๆ ให้เลือกซื้อหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผลิตผลทางการเกษตร และขณะเดียวกันส่วนหนึ่งก็มาจากประเทศเวียดนาม ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเราใกล้ชายแดนเวียดนามเข้าไปทุกที
ระหว่างเส้นทางที่พวกเรามุ่งหน้าออกจากอัตตะปือไปยังจุดเชื่อมแดนของประเทศลาว และประเทศเวียดนาม พวกเราก็เพิ่งพบเห็นบ้านเรือนและผู้คนที่แตกต่างออกไป ซึ่งผู้นำคณะเล่าให้เราฟังว่า ชาวบ้านที่นี่เป็นชนเผ่าละแว ที่รัฐบาลลาวกำลังรณรงค์ให้ลงมาทำกินยังที่ลุ่ม แทนการอยู่บนภูเขา ซึ่งมีการตัดไม้ทำลายป่า และทำไร่เลื่อนลอย และพวกเราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขา ซึ่งถึงแม้ภาษาการสื่อสารจะยังไม่ค่อยเข้าใจกันนัก แต่ภาษาแห่งมิตรภาพที่แสดงออกต่อกัน นั่นก็ทำให้พวกเรารู้สึกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจและมิตรไมตรีอันดีต่อกัน
พวกเรามุ่งหน้าไปบนเส้นทางสาย Para EWEC ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ประเทศเวียดนาม ติดตามชมรายละเอียดของเส้นทางแห่งทรัพยากรและโอกาสใหม่พร้อมกันได้ในรายการโลก 360 องศา ทุกวันเสาร์ เวลา 21.20 น. ทาง ททบ. 5


