ลูกคือศูนย์กลางความรักของ ครอบครัวสิทธิชัย
บนโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เรากำหนดไม่ได้ เพราะอยู่เหนือการควบคุมและการคาดเดา บ่อยครั้งที่เราอาจจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ฟ้าลิขิต แต่คงจะไม่ใช่สำหรับครอบครัวนี้ของ มานิกา สิทธิชัย รองผู้อำนวยการสำนักประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต ที่พบว่าลูกชายคนเดียวของเธอเป็นออทิสติก
บนโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เรากำหนดไม่ได้ เพราะอยู่เหนือการควบคุมและการคาดเดา บ่อยครั้งที่เราอาจจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ฟ้าลิขิต แต่คงจะไม่ใช่สำหรับครอบครัวนี้ของ มานิกา สิทธิชัย รองผู้อำนวยการสำนักประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต ที่พบว่าลูกชายคนเดียวของเธอเป็นออทิสติก
โดย...อณุศรา ทองอุไร
บนโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เรากำหนดไม่ได้ เพราะอยู่เหนือการควบคุมและการคาดเดา บ่อยครั้งที่เราอาจจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ฟ้าลิขิต แต่คงจะไม่ใช่สำหรับครอบครัวนี้ของ มานิกา สิทธิชัย รองผู้อำนวยการสำนักประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต ที่พบว่าลูกชายคนเดียวของเธอเป็นออทิสติก
เพราะการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดของพ่อ (ณัฐพงศ์ทำงานอยู่ที่กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ) กับแม่ในครอบครัวแบบปิดที่สหรัฐ ทำให้มีข้อสังเกตเห็นว่า นิกโก้อานิกก์ มีพัฒนาการที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่น เช่น ไม่ค่อยสบตา ไม่พูดเป็นคำที่มีความหมาย ชอบมองพัดลมและหมุนตัว และเล่นของเล่นไม่เป็น
แต่เธอก็ไม่จำนนต่อปัญหาเพราะทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ในการดูแลและช่วยเหลือพัฒนาการของลูก ให้พยายามเป็นไปอย่างปกติให้มากที่สุด เพราะ Early Intervention เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งในวัยเด็กเป็นช่วงที่สมองมีพัฒนาการเต็มที่ อีกทั้งมั่นใจมากว่าความรักและความอบอุ่นจากการดูแลของคนในครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการ ทำให้นิกโก้เป็นเด็กอารมณ์ดี ไม่ก้าวร้าว เธอและสามีพยายามหาความรู้เพิ่มเติมทั้งจากหนังสือและอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับลูกของเขาทั้งคู่
มานิกา กล่าวว่า สิ่งที่พ่อและแม่ควรจะทำสำหรับครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติกก็คือ ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้นำการเล่น โดยพ่อแม่คอยหาจังหวะหรือสร้างสถานการณ์ให้เด็กคิดแก้ปัญหา เพื่อสื่อสารโต้ตอบ ต่อเติมความคิดและอารมณ์ซึ่งกันและกัน เด็กเกิดความรู้สึก สนุก สนใจ เกิดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง เรียนรู้จากการเล่นร่วมกัน ตามแนวทางที่ว่า Developmental Individual Difference RelationshipBased (DIR) Model/ Floortime ของ Dr. Alan Greenspan
อีกทั้งต้องยอมรับความแตกต่างของเด็กแต่ละคน เพราะเด็กพิเศษมีปัญหาเรื่องพัฒนาการบางด้าน โดยเฉพาะด้านสังคมและการสื่อสาร ดังนั้นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นสุข สนุก และรู้สึกปลอดภัยที่บ้าน เป็นพื้นฐานและช่วยสนับสนุนให้เด็กสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ๆ เช่น การช่วยเหลือตัวเองและการฝึกทักษะพัฒนาการด้านต่างๆ ที่สำคัญพ่อแม่ควรให้เวลาเต็มที่กับลูก เพราะพ่อแม่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของพัฒนาการเด็กมากกว่าคนอื่นใด รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมให้มากที่สุด
นอกจากนี้ เธอเห็นว่า พ่อแม่ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ในโลกส่วนตัว เล่นตามลำพัง หรือดูทีวี เพราะจะทำให้เด็กไม่ค่อยมีการสื่อสารกับคนอื่นจะทำให้แปลกแยกและมีพัฒนาการช้ายิ่งขึ้นไปอีก เธอและสามีจึงตกลงกันว่าลูกจะเป็น Priority ที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนเป็น Quality Time ที่สำคัญมาก เราสองคนอาจมีภารกิจด้านอื่นๆ บ้างในชีวิต แต่การที่ลูกเป็นศูนย์กลาง ทำให้กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตต้องปรับตามลูก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในวันหยุด การเดินทาง โดยเลือกกิจกรรมที่เลือกเป็นกิจกรรมที่เด็กสนใจและตรงกับระดับพัฒนาการ เพราะนิกโก้เป็นเด็กที่เรียนรู้ได้ดีจากการทดลองทำในชีวิตจริง”
สำหรับหลักในการเลือกโรงเรียนให้ลูกนั้น มานิกาเลือกโรงเรียนที่มีความเข้าใจเด็กพิเศษอย่างแท้จริง เนื่องจากเข้าใจว่าเด็กพิเศษทุกคนมีพัฒนาการในแต่ละด้านที่ไม่เท่ากันและไม่คิดว่าระบบการศึกษาแบบ one size fits all จะเหมาะสมกับลูกของเธอ
“ตอนนี้นิกโก้เรียนที่ ATOC (Acorns to Oaks Centre) มีครูและนักวิชาชีพเฉพาะทางฝึกอย่างเป็นระบบ และมีแผนการศึกษาส่วนบุคคล (Individual Education Plan) ที่เน้นเสริมสร้างพัฒนาการในแต่ละด้านที่นิกโก้ยังช้ากว่าคนอื่น ผลก็คือนิกโก้เป็นเด็กที่สนุกกับโรงเรียนมาก อยากไปโรงเรียนทุกวัน และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสังคม”
เธอยังมีข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ที่ต้องดูแลเด็กพิเศษ โดยเธอขอออกตัวว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับเธอนั้นเชื่อว่า สัญชาตญาณความเป็นแม่สำคัญมาก อย่าทำตามหนังสือหรือเพียงเพราะว่าเป็นข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น คุณแม่ทุกคนต้องตริตรองเองว่าสิ่งต่างๆ เหมาะสมกับลูกหรือไม่ เนื่องจากเด็กพิเศษเป็นเด็กที่มีปัญหาด้านการสื่อสารกับสังคมอยู่แล้ว แม่ต้องเป็นสื่อกลางที่จะเชื่อมโยงลูกกับโลกภายนอก เธอเชื่อว่าปัญหาทุกปัญหาแก้ได้ด้วยความรัก...คงจะเป็นเรื่องจริง


