พิธีกรเสียงใส ณัชชานันท์ พีระณรงค์
ดาวมหาวิทยาลัยคราวนี้ขอพาไปรู้จักกับ น้องนุ่น-ณัชชานันท์ พีระณรงค์ จากคณะนิเทศฯจุฬาฯที่มีดีกรีเป็นพิธีกรรายการ สปอร์ต ออนไฟว์ ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง69...
ดาวมหาวิทยาลัยคราวนี้ขอพาไปรู้จักกับ น้องนุ่น-ณัชชานันท์ พีระณรงค์ จากคณะนิเทศฯจุฬาฯที่มีดีกรีเป็นพิธีกรรายการ สปอร์ต ออนไฟว์ ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง69...
เรื่อง : วราภรณ์ ผูกพันธ์ / ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข
แฟนรายการ “สปอร์ต ออนไฟว์” ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 69 ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 10.30 น. คงจำภาพพิธีกรหญิงหน้าสวย เสียงใส น้องนุ่น-ณัชชานันท์ พีระณรงค์ ที่ทำหน้าที่พิธีกรคู่กับ บ.บู๋ กันได้ดี เธอมีดีกรีเป็นถึงมิสป๊อปปูลาร์โหวต และเข้าถึงอันดับ 15 คนสุดท้ายของการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2007 ปีที่ น้องหญิง-พลอยปภัสร์ ธนันตชัยกานต์ คว้าตำแหน่งไปครอง
ปัจจุบันณัชชานันท์ อายุ 21 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ โทด้านอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเป็นเด็กกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคุย มอบโอกาสให้เธอมากมาย โดยเฉพาะความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ที่ได้คุณพ่อ ร.อ.ชัยรัตน์ พีระณรงค์ อดีตโค้ชกีฬาเรือใบทีมชาติ เคี่ยวกรำมาตั้งแต่เด็กๆ เธอจึงพูดภาษาอังกฤษได้ดี จนทำให้เธอได้แจ้งเกิดในงานแถลงข่าว เมืองไทยยูไนเต็ด พบกับ แอตเลติโก มาดริด เมื่อปีที่แล้ว
“ในรายการมีพิธีกรหลักแล้ว ก็มีนุ่นเป็นพิธีกรเสริม โดยทำหน้าที่แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ อังกฤษเป็นภาษาไทย ทีแรกนึกว่าจะมีสคริปต์ให้ดู แต่พอถึงหน้างานจริงๆ สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผู้บริหารสยามกีฬาเดินมาบอกว่า นุ่นต้องพูดสด แปลสด ตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นงานใหญ่ระดับชาติ รู้สึกเครียด ก็เอาสปีชของทีมแอตเลติโกฯ มาดู ดูได้แป๊บเดียวก็ต้องถึงเวลาเริ่มแถลงข่าวจริง ตอนนั้นอาศัยความมั่นใจ พูดไปตามศัพท์ที่เราได้ฟังจากทางทีวี งานนี้ทำหน้าที่พิธีกรร่วมกับพี่โยธิน อารีย์การเลิศ พอเสร็จงานพี่เขาเห็นนุ่นมีความสามารถ ก็ชักชวนมาทำงานพิธีกรให้กับสยามกีฬา 2 รายการ คือ สปอร์ต ออนไฟว์ และอ่านข่าวกีฬาภาคค่ำทุกวันพุธ ช่องเดียวกัน โชคดีที่ทางสยามกีฬาและอินสไปร์ช่วยผลักดัน ก็เลยได้ทำงานพิธีกรอย่างเต็มตัว”
ความสามารถพิเศษด้านภาษาของนุ่น ต้องยกความดีความชอบให้คุณพ่อ
“ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อส่งเสริมให้พูดภาษาอังกฤษ คุณพ่อจะพูดกับนุ่นเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเพื่อนๆ คุณพ่อเป็นฝรั่งเยอะมาก คุณพ่อสอนว่าถ้าเราเก่งด้านภาษา จะทำให้เราเปิดโลกทัศน์และเราจะได้เปรียบคนอื่น จากพูดไม่ได้ ก็กลายเป็นพูดได้ พอโตก็ฝึกเอง เรียนพิเศษภาษาอังกฤษตอนเรียนอยู่มัธยม 2 แล้วก็ฝึกจากการดูภาพยนตร์ซาวด์แทร็ก เลียนแบบท่าทางและเสียงพูด ขยับลิ้นตาม เอาให้เหมือน ฝึกทุกวัน จากนั้นฝึกอ่านจากหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ก็ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษได้มาก”
ทักษะด้านภาษาประกอบกับเป็นเด็กช่างพูด ช่างซัก ช่างถาม ทำให้เพียงเรียนชั้นมัธยม 5 เธอก็ได้งานพิธีกรอีเวนต์ต่างๆ มากมาย เคยเป็นทั้งดีเจจัดช่วงภาษาอังกฤษให้กับวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ อีเวนต์โรดโชว์ของนิตยสารในเครือสยามกีฬา ทำให้ณัชชานันท์มีรายได้พิเศษตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยม 6 โดยให้คุณแม่คอยดูแลบัญชี และรู้สึกดีที่ดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องรบกวนทางบ้าน
“ข้อดีของการทำงานตั้งแต่เด็กๆ คือ นุ่นได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากห้องเรียน ทำให้นุ่นโตกว่าเพื่อนคนอื่น มีแรงกดดัน เพราะเวลาทำรายการเราต้องฝึกทั้งความรับผิดชอบ อย่าพูดผิด เพราะจะทำให้คนอื่นเสียเวลา พอได้ค่าขนมมาก็ให้คุณแม่เก็บ คุณแม่ดูแลบัญชี ถ้านุ่นจะจัดฟันก็นำเงินตัวเองไปใช้ หรือคุณแม่อยากเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ก็ให้คุณแม่นำเงินของนุ่นไปใช้ ก็รู้สึกภูมิใจที่ช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านได้ระดับหนึ่ง”
ณัชชานันท์ ชวนเพื่อนๆ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำงาน เพราะนับเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำให้โตเร็ว เพราะได้สัมผัสชีวิตการทำงานก่อนเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน
การพูด ณัชชานันท์ มองว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง และต้องใช้จิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการพูดกับบุคคลแต่ละบุคคลก็ต่างกัน และควรพูดให้เหมาะกับกาลเทศะ
5 แบบอย่างสำหรับสาวพิธีกร
เนเวอร์ เอนดิง สตอรี : นุ่นชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน เล่มนี้ชอบที่สุด เป็นหนังสือแปลแฟนตาซี คล้ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ อ่านตั้งแต่ชั้นประถม 6 ชอบตรงความคิดนอกกรอบ แม้เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ และไม่น่าจะเกิด
เดอะ ลาสต์ เลกเชอร์ : เล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก สอนหลายๆ อย่างเกี่ยวกับมุมมองในชีวิต เป็นเรื่องของ แรนดี เพาช์ ศาสตราจารย์ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ใกล้ตายด้วยโรคมะเร็ง ทิ้งภรรยาและลูกๆ อีก 3 คนไว้เบื้องหลัง เพาช์ได้ปาฐกถาครั้งสุดท้ายของชีวิต เขาพูดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ต้องทำก่อนตาย นั่นคือการทำความฝันตอนเด็กๆ ของคุณให้เป็นจริง
ทิวสเดย์ วิต มอร์รี่ : เรื่องนี้นุ่นก็ชอบ แต่อ่านภาคภาษาอังกฤษ เล่มนี้คล้ายๆ กับเดอะลาสต์ เลกเชอร์ อาจารย์มอร์รี่เป็นโรคมะเร็ง พูดถึงการใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง
บุคคลต้นแบบ : พี่สาว (ชุลีพร) คือต้นแบบของนุ่น พี่สาวเรียนจบด้านบัญชี ทำงานธุรกิจของครอบครัว คือ ธุรกิจตรวจสอบบัญชี จริงๆ นุ่นก็รู้สึกสนิทกับคุณแม่ แต่พี่สาวอายุจะใกล้กัน ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น พี่สาวมีแง่มุมการใช้ชีวิตที่น่าสนใจคือ เขารู้สึกพอเพียง มีความสุข ใช้ชีวิตในบ้านหลังปานกลาง ไม่ได้อยากได้รถคันใหม่ หากมีปัญหาในชีวิตก็สามารถจัดการและรับมือได้ บางครั้งนุ่นก็งอแงเหมือนเด็ก คือไม่อยากทำงาน รู้สึกเครียดเมื่อเจอความกดดัน แต่พี่สาวจะปลอบว่าไม่มีอะไรอยู่ตลอด แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านพ้นไป สอนให้ปลง เวลาก็เดินต่อไป ต้องทำตัวเองให้พร้อมกับการทำงาน
พิธีกรคนโปรด : ไดอาน่า จงจินตนาการ ชอบตอนพี่เขาทำงานพิธีกรอีเวนต์ มีความสามารถสูง พูดได้ตั้ง 4 ภาษา เวลาพูดก็ดูมีเสน่ห์ บุคลิกเป็นสาวมั่น คล่องแคล่ว เป็นผู้หญิงทำงาน นุ่นชอบผู้หญิงแบบนี้ อยากเป็นอย่างนี้บ้าง


