ต้นไม้ใหญ่มหานคร อนุรักษ์ก่อนจะสูญพันธุ์
เรื่อง อณุศรา ทองอุไร ภาพ วิศิษฐ์ / ทวีชัย / ภัทรชัย
10 กว่าปีที่แล้วเรายังเห็นต้นไม้ใหญ่ในกรุงเทพฯ หนาตากว่านี้มาก มาช่วงนี้ต้นไม้ใหญ่หายากเหลือเกิน กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยทะเลตึก คอนโดมิเนียมยังหาง่ายซะกว่า หลายแห่งในกรุงเทพฯ ต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีถูกตัดเพื่อเอาพื้นที่ไปพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์อย่างน่าเสียดาย
เมื่อราคาที่ดินในกรุงเทพฯ พุ่งกระฉูดตามความต้องการและการเก็งกำไร บ้านใครที่เคยมีพื้นที่สีเขียวปลูกต้นไม้ใหญ่ ก็ค่อยๆ หายไปถูกเปลี่ยนมือไป ถูกแทนที่ด้วยคอนโดมิเนียมห้าดาว อาคารสูงและห้างสรรพสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่ในเมืองกรุงถูกตัด ถูกโค่นออกไปเรื่อยๆ ไม่เหลือคุณค่าใดๆ ที่จะต้องเก็บรักษา สวนทางกับกระแสรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้ลดโลกร้อน
แปลกใจที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ไม่มีใครกล้าออกกฎหมายเก็บภาษีตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมลภาวะรถติด อากาศเป็นพิษ ใครมีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมมากก็ต้องเสียภาษีสิ่งแวดล้อมมาก เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป อาทิ การปลูกต้นไม้ หาพื้นที่สีเขียวทำสวนสาธารณะเพื่อสร้างออกซิเจนให้กับชาวกรุง
ที่จริงต้องยอมรับว่าต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตามตรอกซอกซอยหรือในสวนหลังบ้านนั้น ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยทำให้คนกรุงได้ตื่นขึ้นมาสัมผัสกับความสดชื่นของสีเขียวอันน้อยนิด และฟอกปอดให้กับคนกรุงมาอย่างเงียบๆ ชดเชยกับสวนสาธารณะที่หายากเต็มที
ต้นไม้สีเขียวที่เคยให้ความร่มเย็น ผลิตอากาศบริสุทธิ์มาช้านาน กำลังถูกแทนด้วยฝุ่นละออง กำแพงคอนกรีต ลมร้อนจากท่อแอร์ยักษ์ และเสียงนกนานาชนิดกำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงดังสนั่นจากเครื่องจักรและเสียงตอกเสาเข็ม ทุกคนได้แต่มองตากันปริบๆ เพราะถือเป็นความชอบธรรมตามกฎหมายของบ้านเรา เจ้าของที่ดินสามารถจะทำอะไรก็ได้ในที่ดินของตัวเอง จะตัดจะโค่นต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
หลายประเทศในยุโรป แคนาดา และบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายก้าวหน้า มีบทบัญญัติไว้ว่า ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนานแม้ว่าจะขึ้นในที่ดินของเอกชน แต่ถือว่าเป็นสมบัติของสาธารณะ เพราะถือว่าต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ผลิตอากาศแก่คนส่วนรวม หากเจ้าของที่ดินจะมีการรื้อถอนหรือปรับปรุงต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาคมบริเวณนั้นด้วย เพราะการตัดต้นไม้ใหญ่สร้างผลกระทบต่อชุมชนโดยรวม
ทุกวันนี้พบแต่แคมเปญของบริษัทหลายแห่ง ชวนเชิญให้ปลูกแค่กล้าไม้ แต่ไม่มีบริษัทใดกล้าแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการรณรงค์ขอความร่วมมือไม่ตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ในเมือง หรือใจป้ำพอที่จะซื้อที่มาทำเป็นสวนสาธารณะ
ควรมี พ.ร.บ.คุ้มครองต้นไม้ใหญ่
พงศ์พรหม ยามะรัต แกนนำกลุ่มบิ๊กทรีที่เป็นการรวมกลุ่มกันของนักออกแบบ สถาปนิก นักการตลาด นักธุรกิจรายย่อย ที่รวมตัวกันด้วยความเป็นห่วงว่ากรุงเทพฯ ต้นไม้ใหญ่จะสูญพันธุ์ จึงออกมารณรงค์ช่วยกันอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ เพราะมีต้นไม้ใหญ่อายุเกือบ 100 ปี หลายแห่งถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดายเพื่อนำพื้นที่มาพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ หากไม่ทำอะไรอีกหน่อยเราคงต้องบีบจมูกหายใจ เพราะกรุงเทพฯ มีแต่ควันพิษ ลมร้อนจากท่อแอร์ยักษ์ของอาคารขนาดใหญ่จากห้างสรรพสินค้า
ถึงเวลาที่พวกเราต้องช่วยกันเยียวยากรุงเทพฯ รักษาต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี ถ้าจะพัฒนาเศรษฐกิจก็ต้องเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ อย่างในเยอรมนี ถ้าจะตัดต้นไม้ใหญ่คุณต้องเสียภาษีเพิ่ม หรือถ้าคุณสร้างตึกโดยไม่ตัดต้นไม้ใหญ่เลยจะได้ลดภาษี หรือได้สิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น สร้างตึกได้สูงขึ้นจาก 5 ชั้น แต่คุณไม่ตัดต้นไม้ใหญ่อาจจะเสียพื้นที่ไป คุณได้สิทธิสร้างเพิ่มเป็น 7 ชั้น ก็จะทำให้คนหันกลับมาอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่มากขึ้น
เพราะต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ลดการดูดซึมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1 ตัน และให้ความเย็นได้เทียบเท่ากับเครื่องปรับอากาศขนาด 1.2 หมื่นบีทียู ลดอากาศพิษ ที่สิงคโปร์ก็มีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจังมานานแล้ว ดูอากาศที่สิงคโปร์อุณหภูมิใกล้เคียงบ้านเรา แต่อากาศร่มเย็นกว่าบ้านเราเยอะ เดินสบาย อากาศไม่ร้อน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใครจะตัดต้นไม้ในบ้านต้องขออนุญาตจากทางการก่อน ต้นไม้ใหญ่แม้จะขึ้นในเมืองหรือขึ้นในป่าก็มีค่ามากพอที่ทุกคนจะต้องช่วยกันรักษา
ที่อเมริกา ชาวเมืองซีแอตเติล ซึ่งถือเป็นเมืองสีเขียว เมืองน่าอยู่อันดับต้นๆ ของโลก ในบ้านมีต้นไม้หลายต้น การตัดต้นไม้ต้องขออนุญาตทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความจำเป็นเพียงใด หากเป็นต้นไม้ใหญ่ต้องทำประชาพิจารณ์จากคนแถวนั้นด้วยว่าอนุญาตหรือไม่
“
ใครแอบตัดต้นไม้ใหญ่ในบ้านตัวเอง หากมีคนพบเห็นไปแจ้งความตำรวจ ถือเป็นเรื่องใหญ่โดนทั้งปรับทั้งจำ เพราะเขาถือว่าทำผิดกฎหมายที่บัญญัติว่าประชาชนมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ”ทำไมต้นไม้ใหญ่ดูจะมีค่ามากเมื่ออยู่ในป่า ใครตัดไม้ทำลายป่าถือเป็นผู้ร้ายสำคัญ แต่ต้นไม้ใหญ่ในเมืองใครจะย่ำยีข่มเหง ตัดฟันอย่างไรก็ได้ ถือว่าไม่มีมูลค่าหรือค่างวดใดๆ น่าเสียดายที่ไม่มีงานวิจัยจากนักเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่ามูลค่าของต้นไม้ใหญ่ในเมืองที่ช่วยฟอกอากาศ ลดความร้อน ซับคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มออกซิเจน คิดเป็นเงินตราแล้วจะมหาศาลเพียงใด
ฝาก กทม.ช่วยดูแล
สมใจ ไรส์ ศิลปินนักวาดรูป เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีบ้านอยู่ในย่านสุขุมวิท และมีต้นจามจุรีอายุกว่า 70 ปี อยู่สองต้นในบริเวณบ้านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ เธอบอกว่าต้นจามจุรีคู่นี้เคยได้รับรางวัลที่ 2 ในการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์ จัดโดยกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นับเป็นความภูมิใจที่ต้องร่วมกันรักษาไว้ เพราะถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ช่วยฟอกอากาศ ช่วยให้ร่มเงาและอากาศเย็นสบายในบริเวณบ้าน ถึงเวลาที่คนกรุงเทพฯ ควรจะช่วยกันอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ให้เป็นสมบัติตกทอดถึงลูกหลาน อย่าหวังเพียงแค่ขายที่ในเมืองให้เป็นคอนโดมิเนียม เป็นห้างสรรพสินค้า เวลาน้ำท่วมเราเห็นแล้วว่าป่าไม้ในประเทศไทยแทบไม่มีเหลือ คนกรุงเทพฯ ก็จะไม่มีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ ถึงจะปลูกทดแทนได้ แต่กว่าจะให้ร่มเงาใหญ่โตได้ก็ใช้เวลาหลายสิบปี
ที่สำคัญอยากฝากให้ กทม.ดูแลเข้มแข็งกว่านี้ในการรณรงค์ให้คนรักษาต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะมีหมอต้นไม้ไว้บริการเวลาที่ต้นไม้มีปัญหา เช่น ผุกร่อน ควรดูแลอย่างไร หรือในกรณีที่กิ่งก้านไประชายบ้านหรือมีการฝาก แม้มีคนสวนไปตัดกิ่งริดใบ แต่เศษกิ่งไม้รถขยะของ กทม. ไม่อยากจะเก็บบางครั้งต้องเผา ซึ่งเกิดควันเกิดมลพิษอีก
ใช้มาตรการทางสังคมแทนบังคับใช้กฎหมาย
มนู สิทธิประศาสน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ทาง กทม.จะมีการจัดประกวดต้นไม้ใหญ่ในเดือน มี.ค.นี้ และจะให้ประชาชนร่วมส่งประกวดและร่วมโหวตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กจะตัดสินและประกาศผลในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเอิร์ทเดย์ ใช้ชื่อโครงการประกวด
“ต้นไม้มหานคร” จุดประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันรักษาดูแลต้นไม้ใหญ่ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ใหญ่ที่สุด กว้างครอบคลุมที่สุด สวยที่สุด และมีคุณค่าที่สุดโดยการร่วมกับเอกชน เช่น กลุ่มบิ๊กทรี มูลนิธิโลกสีเขียว ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพ ซึ่งถือว่าเป็นบทเริ่มต้นในการสร้างแนวร่วมให้เกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายเหมือนในต่างประเทศ ใช้เพียงมาตรการทางสังคมไปก่อน ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะได้ผลดีเช่นกัน
ต้นไม้ใหญ่เป็นสมบัติที่สูงค่า
กฤษณา เรืองศรี เจ้าของดิวาน่าสปา ที่เคยเช่าบ้านเก่าในซอยสุขุมวิท 35 ที่มีต้นจามจุรีใหญ่อายุเกือบ 100 ปี อยู่หลายต้น (ที่ถูกคัดค้านไม่ให้ตัดต้นไม้) ถูกยกเลิกสัญญาเพราะเจ้าของบ้านต้องการพื้นที่ไปพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้า เธอกล่าวอย่างน่าเสียดาย เพราะคอนเซปต์ของดิวาน่าทุกสาขาต้องเป็นบ้านเก่า มีต้นไม้ใหญ่ มีพื้นที่สีเขียวร่มรื่น ถือเป็นจุดขายที่สำคัญของสปาแห่งนี้ทุกสาขา ซึ่งจะไม่ไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรืออาคารสำนักงานเป็นอันขาด
เธอว่าต้นไม้ใหญ่อายุร่วม 100 ปี ขนาดนี้ ต่อให้ตัดแล้วปลูกใหม่ก็ไม่มีทางขึ้นได้ทัน ถือว่าเป็นแหล่งออกซิเจนใหญ่ที่สูงค่าของชุมชน น่าเสียดายหากไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ลูกหลานคงไม่มีต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ร่มเงา กรุงเทพฯ อาจจะมีแต่คอนโดและต้นไม้เล็กๆ ในกระถางเท่านั้น
ต้นไม้ไม่เคยทำร้ายใคร เป็นของดีมีประโยชน์ ให้ร่มเงา ให้อากาศ ให้ความร่มรื่นกับมนุษย์ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ถูกตัดด้วยน้ำมือของมนุษย์อย่างไม่มีสิทธิที่จะร้องขอใดๆ ทั้งที่ไม่เคยทำผิดต่อมนุษย์


