posttoday

กางนโยบาย ‘เท่าเทียมทางเพศ’ หาก ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาลสำเร็จ!

21 พฤษภาคม 2566

ในขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลยังดำเนินต่อไปภายใต้ความไม่แน่นอน จนกว่าจะประกาศออกมาเป็นทางการ เราลองมากางนโยบายด้านความเท่าเทียมทางเพศ หาก ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาลสำเร็จ

ภายใต้ความพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาล ..  ก่อนหน้านี้ในช่วงการหาเสียง พรรคต่างๆ ทางฝั่งเสรีนิยมได้พูดถึงนโยบายด้านความเท่าเทียมทางเพศในหลายประเด็นด้วยกัน พร้อมทั้งชูเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียงไม่น้อยกว่านโยบายอื่นๆ  โดยเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศและสิทธิสตรี เพื่อกวาดคะแนนเสียงจากชุมชนเหล่านี้ไปไม่น้อย  โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย  .. ไม่ว่าใครจะได้จัดตั้งและนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในท้ายที่สุด .. เราลองมาดูนโยบายความเท่าเทียมทางเพศทั้งสองพรรค ว่าจะพาสังคมและบ้านเมืองไปในทิศทางใด

 

กางนโยบาย ‘เท่าเทียมทางเพศ’  หาก ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาลสำเร็จ!

 

สมรสเท่าเทียม

 

ในประเด็นสมรสเท่าเทียมนั้น ทั้ง 2 พรรคมีนโยบายชัดเจนที่จะผลักดันให้เรื่อง ‘สมรสเท่าเทียม’ เข้าสู่สภาทันที  โดยมีจุดยืนชัดเจนที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยครอบครัว โดยเปลี่ยนคำในตัวบทกฎหมาย จากคำนามที่ระบุเพศ เช่น ชาย-หญิง สามี-ภรรยา เป็นคำนามไม่ระบุเพศ อาทิ บุคคล คู่สมรส เพื่อให้คนทุกเพศสามารถหมั้นและสมรสกันได้ และมีสิทธิในฐานะคู่หมั้นหรือคู่สมรสโดยเสมอหน้ากันทุกประการ

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยก็มักจะพูดถึงจุดยืนในเรื่องนี้เสมอ โดยมักจะหยิบยกเรื่องราวตั้งแต่สมัยของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่เสนอแนวคิดให้คนรักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมาย แต่เกิดการคัดค้านจากหลายภาคส่วนจนต้องยุติลง ตามมาด้วยในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งได้มีการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิตเพื่อใช้เฉพาะกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน แต่ก็ชะงักงันเพราะรัฐประหารเสียก่อน และเสียโอกาสที่จะพัฒนาร่างนี้ไปสู่ ‘สมรสเท่าเทียม’ ในสมัยของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงจังที่มีต่อเรื่อง ‘สมรสเท่าเทียม’

 

SOGI วิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ

ทั้งสองพรรคได้มีการพูดถึง SOGI คือระบบบริการที่เข้าใจวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ เพราะบางครั้งกลุ่มคนที่มีความหลากหลายอาจไม่สามารถเข้าถึงบริการทางด้านต่างๆ หรือได้รับความคุ้มครองและดูแลตามกฏหมาย  ทั้งสองพรรคได้พูดถึงการให้บริการด้วยระบบดังกล่าว  ในขณะที่พรรคก้าวไกลใช้คำว่า ขจัดการเลือกปฏิบัติ คือ ขจัดการกระทำหรือไม่กระทำการในทุกรูปแบบ อันเป็นการแบ่งแยก กีดกัน หรือจำกัดสิทธิ เสรีภาพ หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะเหตุแห่งความแตกต่างของบุคคล เริ่มด้วยการปรับให้กฎหมายรับรองทุกเพศสภาพ ซึ่งเป็นรากฐานในการออกแบบนโยบายทุกมิติ อีกทั้งยังรับรองสถานะความเป็นบุคคลให้ตรงกับเจตจำนงในเพศสภาพของบุคคลนั้น โดยไม่ต้องผ่านการรับรองหรือกระบวนการทางการแพทย์ และคุ้มครองสิทธิของประชานในการใช้คำนำหน้านามตามความสมัครใจ

ในขณะที่พรรคเพื่อไทย เน้นในเรื่องของสาธารณสุขเป็นพิเศษ โดยพรรคพยายามผลักดันให้ประชาชนเข้าถึง หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่ในขั้นบริการ โดยจะมีการอบรมเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ในเรื่องเพศภาวะ เพื่อให้บริการที่เป็นมิตรและเข้าใจผู้รับบริการในกลุ่มดังกล่าวมาที่สุด รวมไปถึงการนำเรื่องของฮอร์โมนเข้าไปอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ได้ อาทิ บริการการรับฮอร์โมนและยาด้วยการ รับประทาน ฉีด ทาเจลที่ผิวหนัง แผ่นแปะที่ผิวหนังสำหรับบุคคลข้ามเพศ  รวมไปถึงสิทธิในการข้ามเพศ ที่ประชาชนจะสามารถใช้ได้ 1 ครั้งตลอดชีวิต (เพศกำเนิดชายข้ามเพศเป็นหญิง (MTF) / เพศกำเนิดหญิงข้ามเพศเป็นชาย (FTM) แต่หลังข้ามเพศแล้วสิทธิจะไม่ครอบคลุมการกลับไปข้ามเพศตามเพศกำเนิดตนเอง   เนื่องจากที่ผ่านมาคนข้ามเพศถูกบังคับด้วยเงื่อนไขต่างๆ ให้ต้องเรียนรู้และทดลองกระบวนการในการข้ามเพศกันเอง ซึ่งก็อาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อสุขภาวะที่ดีในระยะยาว

 

ยกให้ประเทศไทยเป็น Global Destination ของ LGBTQIA+

ในประเด็นนี้มีพรรคเพื่อไทยที่ออกตัวชัดเจน ในฐานะที่เป็นพรรคซึ่งสนับสนุน ซอฟต์พาวเวอร์เต็มสูบในทุกแง่มุม ... กลุ่มคอมมิวนิตี้ของ LGBTQIA+ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่จะสามารถขยับ ขับเคลื่อนรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้ พรรคเพื่อไทยจึงสนับสนุนการผลักดันให้ประเทศไทยจัดงาน WorldPride รวมไปถึงจะทำให้ประเทศไทยเป็น Global Destination ด้านการท่องเที่ยวและการแพทย์ (เพื่อการศัลยกรรมหรือยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ) ของเหล่า LGBTQIA+

 

ภาพ งาน BANGKOK PRIDE ในปี 2022

 

สิทธิสตรีในที่ทำงาน

สำหรับพรรคก้าวไกลได้มีนโยบายสิทธิลาคลอด 180 วันโดยพ่อหรือแม่แบ่งกันได้ จากเดิมที่มีระยะเวลา 98 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากลขององค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หากเป็นแรงงานในระบบประกันสังคมจะได้รับค่าตอบแทน 180 วัน หากไม่ได้อยู่ในระบบจะได้รับเงินสนับสนุน 5,000 ต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือน

นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะเพิ่มงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปจัดการเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็กให้เหมาะสม รวมไปถึงมีเงินอุดหนุนสถานเลี้ยงดูเด็กของเอกชนหรือนำไปจ่ายเงินรายหัวเพิ่มเติมให้กับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก รวมไปถึงสนับสนุนให้มีห้องปั๊มนมในที่ทำงาน

อีกทั้งยังเน้นไปที่การมีตำรวจหญิงทุกสถานี ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนตำรวจหญิงโดยการเปิดรับจากบุคคลภายนอกเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงออกแบบกระบวนการอบรมและประเมินตำรวจที่รับผิดชอบคดีคุกคามทางเพศให้เข้าใจวิธีการและความละเอียดอ่อนของคดี

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเน้นไปที่ ‘การยกระดับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้วยเทคโนโลยี’ โดยจะให้ผู้หญิงทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทักษะ รวมไปถึงการดูแลปกปกสิทธิสตรีครอบคลุมทุกมิติ โดยการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการหญิงก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ถูกนำมาพูดถึง

 

สตรีกับมะเร็งปากมดลูก

นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวข้องกับสตรีอย่างที่ 2 คือ การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีสำหรับผู้หญิงทุกคน ในขณะที่พรรคก้าวไกลมีนโยบายตรวจคัดกรองฟรี 5 มะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย แต่ไม่ได้ครอบคลุมการค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก

 

กฏหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ

นอกจากนี้พรรคก้าวไกลยังมีอีกหนึ่งนโยบายที่น่าสนใจนั่นคือการต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ที่จะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาใหม่ เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมายให้ครอบคลุมปัญหา และส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

 

นอกจากนี้ยังมีในประเด็นของผ้าอนามัยฟรีสำหรับพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคก้าวไกลนั้นจะมีการยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่แจกผ้าอนามัยฟรีในสถานศึกษาและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อีกทั้งยังมีประเด็นการของการปฏิรูปการสอนเพศศึกษา ที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ โดยจะมีการออกแบบหลักสูตรใหม่ให้การสอนเรื่องเพศศึกษานั้นตรงไปตรงมา เพื่อให้เยาวชนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นในค่านิยมต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพศ

ภาพ ประเด็นของ Sex worker ที่ยังคงถูกพูดถึงน้อยหรือไม่ชัดเจนนัก

 

เมื่อมองจากนโยบายที่ออกมานั้น บางข้อก็ยังเป็นเพียงแค่การกำหนดนโยบายภาพรวมที่ยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน ซึ่งต้องมีการศึกษาและลงมือทำต่อไป  รวมไปถึงประเด็นสิทธิการทำงานด้านเพศ หรือ Sex worker ที่ยังคงไม่ชัดเจน หรือไม่ถูกพูดถึงมากนัก .. อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้เห็นพรรคการเมืองลุกขึ้นมาท้าทายมิติความหลากหลายทางเพศเป็นครั้งแรก จะพบว่านโยบายในปีนี้มีความหลากหลาย ครอบคลุมและถูกหยิบยกมาพูดขึ้นในหลายเวที อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่ถูกใส่ลงในการหาเสียงและนโยบายของพรรคการเมืองกลุ่มต่างๆ ..

 

แม้เราจะยังเอาแน่เอานอนกับการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้นัก แต่เมื่อกางนโยบายระหว่างพรรคสองพรรคที่มีคะแนนเสียงสูงสุดสองอันดับแรก ก็พบว่ามีพื้นที่ให้แก่ประเด็นความหลากหลายอยู่ค่อนข้างมาก อาจจะมีทั้งส่วนเหมือนและส่วนต่าง อยู่ที่ว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้วประเด็นไหนจะถูกหยิบเอาเข้ามาเป็นนโยบาย หรือหยิบออก ... นั่นก็เป็นสิ่งที่เราต้องจับตามองต่อไป.