ท่องเที่ยวไทย ภูเก็ต-เชียงใหม่ คึกคัก! รับปี 2566

ท่องเที่ยวภูเก็ต! เริ่มฟื้น ปี 2566 คาดธุรกิจโรงแรมโต 6 หมื่นล้านบาท

นักวิเคราะห์ ประเมินการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เริ่มฟื้น คาดปีหน้าธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 6 หมื่นล้านบาท มีผู้เข้าพัก 7.5 ล้านคน ชี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการแข่งขันของธุรกิจที่รุนแรงมากขึ้น

ช่วงเกิดการระบาดโควิด-19 จังหวัดท่องเที่ยวของไทยซบเซาลงอย่างมาก โดย จ.ภูเก็ต หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ  หลังเกิดข้อจำกัดด้านการเดินทาง ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2564 ลดลงกว่า 92% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนเหลือเพียง 0.2 ล้านคน ส่งผลให้มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวของภูเก็ตในปี 2564 ลดลงเหลือเพียง 0.2 แสนล้านบาทเท่านั้น จากที่เคยได้ถึง 4.4 แสนล้านบาท

จนปี 2565 มาตรการด้านโควิด-19 ของไทยและทั่วโลกผ่อนคลายมากขึ้น การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว ทำให้ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตถึง 4.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 462% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 1.8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.3 ล้านคน

 

 

นายธนา ตุลยกิจวัตร นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย หรือ Krungthai COMPASS ประเมินธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตในปี 2566-2567 ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีผู้เข้าพักแรมเพิ่มขึ้นจาก 4.2 ล้านคนในปี 2565 มาอยู่ที่ 7.5 ล้านคน และ 11.2 ล้านคน และรายได้ของธุรกิจโรงแรมจะทยอยฟื้นตัว จาก 3.47 หมื่นล้านบาทในปี 2565 มาอยู่ที่ 6.03 หมื่นล้านบาท และ 7.75 หมื่นล้านบาท แต่ยังถือว่าต่ำกว่าปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 9.53 หมื่นล้านบาท อยู่ในระดับหนึ่ง

สำหรับจำนวนห้องพักในภูเก็ต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 106,000 ห้อง ในปี 2565 ก่อนจะขึ้นไปแตะระดับ 112,000 ห้องในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 15.3% อย่างไรก็ดี จำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตควรปรับรูปแบบการให้บริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในยุค New Normal และหารายได้จากบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อทดแทนรายได้จากอัตราการเข้าพักที่ลดลง 

 

 

ด้าน พจนีย์ ดาระกะมาศ Chief Operating Officer – บริษัท Oxford Acuity Hospitality ผู้บริหารโรงแรม My Beach Resort Phuket และ Dewa Phuket Resort and Villas ซึ่งเป็นบูทีคโฮเทลระดับ 5 ดาวทั้งสองโรงแรมของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน จ.ภูเก็ต เผยว่า

“ในไตรมาสแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจองที่พักไว้แล้ว 80-90 เปอร์เซ็นต์ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นตลาดในกลุ่มชาวรัสเซียและยุโรป ซึ่งต่อเนื่องมาจากไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2566 รวมทั้งคาดการณ์ว่าจะมีนัก ท่องเที่ยวจีนที่กำลังจะเริ่มเข้ามาช่วงเดือนมกราคม 2566 สำหรับมาตรการในการรับมือของทั้ง 2 โรงแรมที่ภูเก็ตซึ่งเราดูแลก็คือ เราจะโฟกัสไปที่การบริหารจัดการเพื่อให้มีลูกค้าที่เข้ามาพักหลากหลายเชื้อชาติ เหตุผลก็เพื่อกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ โดยจะมีทั้งลูกค้ารัสเซีย ยุโรป จีน และอินเดีย นั่นก็เพราะประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มาจากช่วงโควิด 19 ระบาด ถ้าเราเน้นแต่นัก ท่องเที่ยวชาติเดียวเช่นตลาดจีน เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น นักท่องเที่ยวจีนไม่มา ก็อาจมีผลกระทบกับธุรกิจของเราได้

 

 

การรับมือที่สำคัญอีกอย่างคือ เราจะเน้นในเรื่องการดูแลแขกที่หลากหลายเชื้อชาติ โดยเฉพาะเรื่องของอาหารซึ่งสำคัญมาก ยกตัวอย่าง เมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ชาวอินเดียจะมาเยอะ ไตรมาส 4 ของปี 2565 ก็จะเป็นชาวยุโรปและรัสเซีย และเมื่อถึงไตรมาส 1 ของปี 2566 ก็จะเป็นชาวจีนเข้ามาเพิ่ม เนื่องจากจีนประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.2566 นี้ ดังนั้น เราจึงต้องบริหารจัดการเรื่องอาหารเช้าเป็นสำคัญ อย่างช่วงที่ชาวอินเดียเข้ามา โรงแรมก็จะเน้นอาหารมังสวิรัติ ช่วงที่ชาวรัสเซียและยุโรปเข้ามาก็จะเน้นอาหารยุโรป และเมื่อคนจีนเริ่มเข้ามาเราก็จะเน้นอาหารจีนและอาหารเอเชียมากขึ้น รวมทั้งเรื่องการจัดการเรื่องไฟลท์หรือเที่ยวบิน ว่าสายการบินแต่ละชาติจะมาถึงไทยเมื่อไหร่ การจัดการเรื่องพนักงาน เรื่องเชฟที่ดูแลอาหาร เป็นต้น”

 

 

ตามที่มีข่าวว่าธุรกิจโรงแรมขาดแคลนพนักงานด้านบริการ ทางผู้บริหารได้เผยว่า โรงแรมในเครือที่บริหารอยู่ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมีนโยบายให้ความสำคัญในการดูแลพนักงานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงโควิด แม้ต้องรับแม่บ้านหรือพนักงานงานเสิร์ฟเพิ่มบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากนี้เครือโรงแรมยังได้วางแผนโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การใช้แอปพลิเคชั่นในการติดต่อสื่อสารระหว่างแขกกับพนักงาน หรือระหว่างพนักงานกับพนักงาน จึงช่วยให้ทุกสิ่งง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพ แถมยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่มาพักด้วย แต่อย่างไรก็ตาม โรงแรมก็ยังให้ความสำคัญกับงานบริการโดยบุคลากร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจโรงแรมที่มาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ โดยพนักงานทุกคนต้องสามารถบริการลูกค้าได้หลายหน้าที่นั่นเอง

 

 

“สำหรับ My Beach Resort Phuket จุดเด่นคือการเป็นไพรเวท บีช ฟรอนต์ อยู่ที่แหลมพันวา และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Phuket Old Town ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ชาวต่างชาติชื่นชอบนอกเหนือจากชายหาด ส่วน Dewa Phuket Resort and Villa จุดเด่นคือ เป็นที่พักสไตล์ไพรเวท พูล วิลล่า ซึ่งก็คือบ้านเป็นหลังๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ชื่นชอบอีกเช่นกัน อยู่ติดหาดในยางและอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถอีกด้วย”

การท่องเที่ยวเชียงใหม่ พร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน หลังจีนเปิดประเทศ

ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ พร้อมรับ นทท.จีน หลังทางการจีนเปิดประเทศ คาดชาวจีนกลุ่มแรกที่เดินทางมาเป็นนักธุรกิจ ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไป จะทยอยมาหลังตรุษจีน

นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ ประเทศจีน ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัว ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 เป็นต้นไป หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปี เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ว่า จากการที่ประเทศจีน เริ่มมีการผ่อนคลาย เกี่ยวกับมาตรการเกี่ยวกับโควิด-19 ถือว่าเป็นสัญญาณบวก และความหวังในด้านการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ และประเทศไทย ที่รอคอยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ ให้กับไทยเป็นจำนวนมาก ในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19

นายพัลลภ กล่าวว่า ทั้งนี้แม้ทางการจีนจะประกาศเปิดประเทศ ในวันที่ 8 ม.ค.นี้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน เพราะยังไม่รู้อนาคตว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่อย่างน้อยถือว่า เป็นสัญญาณบวกด้านการท่องเที่ยว ของ จ.เชียงใหม่และประเทศไทย ซึ่งในไตรมาสแรกของปี ชาวจีนส่วนใหญ่ที่เดินทางมา จะเป็นกลุ่มของนักธุรกิจ สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะ ทยอยมาในไตรมาสต่อไป

“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ มีทั้งธุรกิจที่พร้อม และยังมีธุรกิจที่ต้องหาคนมาทดแทน ธุรกิจที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวคือ ธุรกิจโรงแรมที่มีห้องพักเตรียมรับนักท่องเที่ยว ที่จะเข้ามาท่องเที่ยว ในส่วนของธุรกิจที่ยังต้องเร่งหาแรงงานมาทดแทน แรงงานฝีมือ หรือแรงงานที่ต้องใช้ประสบการณ์ อาทิ หมอนวดเพื่อสุขภาพ พนักงานขับรถบัสที่มีความชำนาญ แต่ในส่วนนี้สามารถกลับมาได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง”

 

 

ด้าน นางละเอียด บุ้งศรีทอง ที่ปรึกษานายกสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือตอนบน) เผยว่า ไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ผ่านมาอัตราการเข้าพักในเชียงใหม่ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักอยู่ที่ร้อยละ 70 เดือนพฤศจิกายน อัตราการเข้าพักอยู่ที่ร้อยละ 75 และเดือนธันวาคมอยู่ที่ร้อยละ 80-90 

“สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566 ตลาดการท่องเที่ยวน่าจะค่อยๆ เติบโตเป็นลำดับ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนเดินทางมาเที่ยวได้สะดวกก็คือ เรื่องของเที่ยวบิน การท่องเที่ยวจะต้องมีความสะดวก รวดเร็ว ประกอบกับในช่วงไตรมาสแรกของปี เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย และเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคเหนือ จึงทำให้ช่วยกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวได้ หลังจากนี้คงต้องมีการพูดคุยกันว่า จะมีสายการบินเชื่อมโยงเข้ามายังเชียงใหม่มากน้อยเพียงใด และจะเพิ่มสายการบินตรงจากต่างประเทศ เข้ามายังเชียงใหม่ได้อย่างไรบ้าง รวมถึงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในเมือง ต้องมีการพูดคุยเกี่ยวกับมาตรฐาน ความต้องการของนักท่องเที่ยวว่า แตกต่างจากก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือไม่ หรือนักท่องเที่ยวต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ หรือไม่ รวมถึงต้องตั้งราคาให้นักท่องเที่ยวจับต้องได้ เพื่อดึงและเพิ่มนักท่องเที่ยวให้กลับมามากขึ้น”

 

 

สำหรับ เออร์เนสโต้ เกียร่า เมอร์เชียโน่ ผู้จัดการทั่วไป มีเลีย เกาะสมุย (Melia Koh Samui) รีสอร์ทริมหาดเชิงมน ที่ผู้อ่านนิตยสาร ‘คอนเดนาสต์ ทราเวลเลอร์’ ลงความเห็นให้เป็น 1 ใน 20 รีสอร์ทที่ดีที่สุดในไทย พูดถึงจุดเด่นซึ่งเป็นจุดขายของ มีเลีย เกาะสมุย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ก็คือ รีสอร์ทอยู่ห่างจากสนามบินเกาะสมุยเพียง 15 นาที มีห้องพัก 200 ห้องซึ่งตั้งอยู่ล้อม รอบสระว่ายน้ำแบบลากูน พูล ยาว 700 เมตร ที่ไหลคดเคี้ยวผ่านบริเวณพื้นที่เขียวชอุ่มโดยรอบรีสอร์ท ซึ่งถือเป็นสระว่ายน้ำที่ยาวที่สุดบนเกาะสมุย 

 

 

“และในปี 2566 นี้ เราจะเปิด โรงแรม อินไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพฯ สุขุมวิท (INNSiDE By Meliá Bangkok Sukhumvit) ซึ่งเป็นโรงแรมบนตึกสูงแห่งใหม่ขนาด 208 ห้อง อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช เป็นโรงแรมในเครือ มีเลีย โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะมาเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน และถือเป็นแฟล็กชิปโฮเทลที่ใช้ชื่อว่า INNSiDE แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยละ 

 

 

ส่วนโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ (Meliá Chiang Mai) ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตั้งอยู่บนถนนเจริญประเทศ ถนนสายวัฒนธรรมเก่าแก่ใจกลางเมืองของ จ.เชียงใหม่ ห่างจากสนามบินเชียงใหม่เพียง 6 กม. เป็นโรงแรมบนอาคารสูง 22 ชั้น พร้อมด้วย เดอะ สกาย บาร์ ซึ่งถือเป็นบาร์บนยอดตึกที่สูงที่สุดในเมืองเชียงใหม่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่ได้แบบ 360 องศา วิวด้านหนึ่งจะเห็นแม่น้ำปิง ส่วนอีกด้านหนึ่งมองเห็นวัดพระธาตุดอยสุเทพได้”

ในส่วนของพนักงานในเครือมีเลียฯ ทั้ง 3 แห่ง โรงแรมได้มีการเตรียมความพร้อมของพนักงานเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมา โดยพนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรมตามมาตราฐานของเครือมีเลียฯ และพร้อมที่จะให้บริการด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจแบบคนไทย รวมทั้งให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแบบสเปนตามแบบฉบับของมีเลียฯ ซึ่งมีการบริการที่มุ่งเน้นความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นสำคัญ” เออร์เนสโต้ กล่าวทิ้งท้าย