posttoday

ความปลอดภัยก็สีเขียว

08 มกราคม 2554

....วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

&<2288;

แต่ไหนแต่ไรมา เครื่องหมาย กากบาทสีเขียว” (Green Cross) ก็คือสัญลักษณ์ของ ความปลอดภัย” (Safety) ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยในบ้าน หรือความปลอดภัยในที่ทำงาน

เครื่องหมายกากบาทสีเขียวมักปรากฏเป็นรูปพิมพ์บนผ้าพื้นขาวที่เป็นรูปธงติดเสาธงซึ่งปักบนอาคาร หรือหน้าสำนักงานที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่นั้นๆ มีความปลอดภัย

ว่าไปแล้วความไม่ปลอดภัยมักจะวัดกันด้วยสถิติของอุบัติเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นว่าเกิดมากน้อยเพียงใด (ถี่บ่อยแค่ไหน) โรงงานไหนเกิดอุบัติเหตุอันตรายบ่อยๆ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ พิการ หรือล้มตายเสมอๆ ก็แสดงว่าโรงงานมีความปลอดภัยน้อย

จากผลการวิจัยทางวิชาการ สรุปได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย

แต่สาเหตุหลักๆ มีเพียง 2 สาเหตุ คือ การกระทำที่ไม่ปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน (Unsafe Acts) และสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยต่อการปฏิบัติงาน (Unsafe Conditions)

ดังนั้น การลดอุบัติเหตุ (การเพิ่มความปลอดภัย) ให้ได้ จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริหารโรงงานจะต้องพยายามกำจัดสาเหตุหลักทั้งสองสาเหตุข้างต้นให้หมดไป

คือ (1) การกำจัดการกระทำที่ไม่ปลอดภัยต่างๆ ของพนักงานให้หมดไป ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจในวิธีการทำงานที่ปลอดภัย การจัดทำคู่มือปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยเพื่อพนักงานจะได้ปฏิบัติตาม การลด ละ เลิก ในความประมาท หรือการอวดรู้ (ทำงานแบบเสี่ยงๆ) โดยยึดคติที่ว่า อะไรที่อันตราย หรือไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ จะต้องไม่ทำ เป็นต้น

และ (2) การกำจัดสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยต่างๆ ให้หมดไป เช่น เครื่องจักรส่วนที่หมุนตัดต้องมีฝาครอบใบมีดหรือส่วนที่เคลื่อนไหวได้ หรือจุดหนีบทับ พื้นโรงงานต้องแห้ง ไม่มีน้ำขังหรือลื่น ฝุ่นละอองต้องไม่ฟุ้งกระจาย เสียงต้องไม่ดังเกินมาตรฐาน เป็นต้น

ในความเป็นจริงแล้ว การกระทำที่ไม่ปลอดภัยจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นบาดเจ็บ พิการ หรือตายได้ เพราะแม้สภาพแวดล้อมจะปลอดภัยอย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ปฏิบัติงานมีพฤติกรรมเสี่ยง (Risk Behavior) หรือยังคงทำงานเสี่ยงๆ ก็คงจะเกิดอุบัติเหตุแน่นอน เช่น แม้จะคาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างขับรถ แต่ถ้าเหยียบไม่ยั้ง ขับรถเหมือนเหาะ ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรถชน รถคว่ำได้

ผู้บริหารโรงงานจึงต้องให้ความสำคัญกับ วิธีการทำงานที่เสี่ยงๆหรือ คนที่ชอบทำงานเสี่ยงซึ่งเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง และต้องกำจัดให้หมดไป หรือลดจนเหลือน้อยที่สุด

ในการบริหารจัดการโรงงานแล้ว เรื่องของความปลอดภัยในการทำงานจะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม

หากจะว่าไปแล้ว ปัญหาด้านความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากกว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำไป และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันตาชัดเจนกว่าด้วยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ผลลัพธ์ของการเกิดอุบัติเหตุอันตราย อาจเป็นแค่รอยถลอกปอกเปิกก็ได้ หรือรุนแรงถึงขั้นนิ้วขาด แขนขาด อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือร้ายแรงถึงขั้นตายก็เป็นไปได้ ซึ่งรวมตลอดถึงไฟไหม้ หรือระเบิดอย่างรุนแรงด้วย

ในโรงงานหนึ่งๆ จึงต้องให้ความสำคัญต่อปัญหาด้านความปลอดภัยในการทำงานเช่นเดียวกับปัญหาเรื่องการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

ทุกวันนี้ผู้บริหารจำนวนไม่น้อยยังคงคิดว่าอุบัติเหตุอันตรายเป็นเรื่องการบริหารจัดการที่อยู่ภายในองค์กร คือ มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานในโรงงานเท่านั้นได้รับผลกระทบ ในขณะที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะกระทบผู้คนภายนอกโรงงาน (ชุมชน) จำนวนมากกว่า และมีผลต่อชื่อเสียงของกิจการมากกว่า จึงให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมแต่เพียงอย่างเดียว

เรื่องนี้จึงอยู่ที่ทัศนคติและแนวความคิดของผู้บริหารที่มองว่า ความปลอดภัยและ/หรือสิ่งแวดล้อมตัวไหนเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มต้นทุนการผลิต ตัวไหนเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตครับผม!

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68