Protection Strip แนวป้องกันสีเขียว 'โรงงาน-ชุมชน' อยู่คู่กันได้
ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการขยายตัวของพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่ชุมชนและเกษตรกรรมลดน้อยลง จึงทำให้เกิดการรุกล้ำของพื้นที่ทั้งสองฝ่าย เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมต่อชุมชน อันเนื่องมาจากไม่มีระยะห่างที่เหมาะสม
โครงการ
“การจัดการปัญหาระยะห่างระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด” จึงได้เกิดขึ้น โดยกำหนดให้มีระยะของแนวป้องกัน (Protection Strip) และระยะของแนวกันชน (Buffer Zone) ขึ้น เพื่อเป็นพื้นที่กันชนระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวให้แล้วเสร็จ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้ดำเนินการจากการผลักดันของทุกฝ่าย ปัจจุบันมี
“นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล” ภายใต้การดูแลของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ ในพื้นที่ จ.ระยอง ได้นำร่องสร้าง Protection Strip เป็นแนวป้องกันสีเขียว เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสบายใจและมั่นใจ! ระหว่าง “โรงงาน” และ “ชุมชน” แล้วProtection Strip คืออะไร?
Protection Strip หรือแนวป้องกัน คือ การจัดระยะและคุณภาพพื้นที่ในเขตของอุตสาหกรรมด้านที่ติดกับชุมชน เพื่อเป็นแนวป้องกันให้เกิดความปลอดภัย ด้วยการจัดทำแนวปลูกต้นไม้ หรือมาตรการอื่นที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่า โดยเป็นแนวที่อยู่ภายในเขตของแปลงที่ดินซึ่งอุตสาหกรรมประเภทดังกล่าวตั้งอยู่
“Protection Strip
ไม่ใช่มาตรการทดแทนการจัดสร้างระบบบำบัดมลพิษ แต่เป็นมาตรการเสริมในการแสดงความจริงใจของอุตสาหกรรมที่จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อชุมชน รวมทั้งสร้างทัศนียภาพที่สวยงามของโรงงานที่อยู่ใกล้ชุมชนด้วย” ชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ และผู้ดูแลพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล นิคมนำร่องในการจัดทำ Protection Strip กล่าวการกำหนดระยะ Protection Strip แบ่งเป็นหลายระดับ สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีระยะตั้งแต่ 050 เมตร ส่วนนิคมอุตสาหกรรม มีระยะตั้งแต่ 3050 เมตร โดยการปลูกต้นไม้จะต้องปลูกอย่างแน่นหนาและสลับเป็นฟันปลา เพื่อให้เกิดช่องว่างระหว่างต้นไม้น้อยที่สุด ไม่ใช่เว้นที่ว่างทำเป็นถนน ทำเป็นที่จอดรถ หรือปลูกหญ้า แต่จะต้องปลูกต้นไม้เป็นแนว 3 ชั้นเรือนยอด คือ ระดับที่ 1 ปลูกต้นไม้สูง 0.5 เมตรขึ้นไป ระดับที่ 2 สูง 1.5 เมตรขึ้นไป และระดับที่ 3 สูง 2.5 เมตรขึ้นไป เมื่อต้นไม้ทั้ง 3 ระดับ เติบโตเต็มที่แล้ว จะมีความสูงของแต่ละระดับลดหลั่นกันไปดังระฆังคว่ำ ซึ่งสามารถช่วยบังคับทิศทางลมไม่ให้รบกวนชุมชนรอบนอกโรงงานได้
นอกจากนี้ ยังควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมกับการจัดการปัญหามลพิษในพื้นที่ อาทิ พันธุ์ไม้ที่ดูดซับฝุ่นละออง ควรเลือกต้นอโศกอินเดีย เลียบ และทับทิม เป็นต้น พันธุ์ไม้ที่ดูดซับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ควรเลือกพิกุล โพธิ์ และรกฟ้าขาว เป็นต้น และพันธุ์ไม้ที่ดูดซับออกไซด์ของไนโตรเจน ควรเลือกสนทะเล หางนกยูง ฝรั่ง และตะกู เป็นต้น
จุดเริ่ม 999 ต้น เทิดไท้ในหลวง
ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการพัฒนาพื้นที่แนวป้องกันระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชนใน จ.ระยอง ด้วยการปลูกต้นไม้ยืนต้นและสร้างพื้นที่สีเขียว โดยจัดให้มีกิจกรรมปลูกต้นไม้จำนวน 999 ต้น เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบในปีหน้า
ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียวนี้ นอกจากจะช่วยดูดซับฝุ่นละอองต่างๆ แล้ว ยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างภูมิทัศน์รอบโรงงาน หากอุตสาหกรรมสามารถทำสำเร็จเป็นรูปธรรม ก็จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตไปพร้อมๆ กับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน รวมทั้งการเติบโตของ จ.ระยอง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติต่อไป
สำหรับต้นไม้จำนวน 999 ต้น ที่นำมาปลูกเป็นแนวป้องกันของนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล บนพื้นที่กว้าง 50 เมตร และยาวเป็นระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร ได้แก่ ต้นราชพฤกษ์ 550 ต้น ต้นประดู่ 200 ต้น ต้นพะยูง 150 ต้น และต้นนนทรี 99 ต้น
“
ใน Protection Strip เดิมก็มีต้นยางนา ประดู่ป่า ราชพฤกษ์ ปีบ หูกระจง แคนา สะเดา สน นนทรี พะยูง และยาง นอกจากนี้เรายังเตรียมต้นไทรเกาหลีไว้ปลูกเป็นรั้วธรรมชาติอีก 500 ต้น หากนับทุกๆ ด้านก็จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นต้น เราทยอยปลูกต้นไม้เพิ่มทุกวันก็ว่าได้ ไม่ใช่ปลูกเฉพาะงานนี้” ชลณัฐ กล่าวทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอลได้ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับการซื้อต้นไม้ ทำคันดินเป็นแนวป้องกัน Protection Strip โดยวางแผนจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นด้วยงบประมาณเพิ่มอีก 4 ล้านบาท และจัดทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 2554
ต้นแบบ
‘โรงงานชุมชน’ อยู่คู่กันได้“
ที่ผ่านมาเราก็มีการจัดโครงการร่วมปลูกต้นไม้ในกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชุมชนอยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังเปิดโอกาสให้ชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ มีส่วนร่วมในการคัดเลือกพันธุ์ไม้ท้องถิ่นมาทำแนวป้องกัน และร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างชุมชนกับโรงงานในการช่วยกันปลูกต้นไม้ ซึ่งนิคมจะเป็นผู้ดูแลแนวป้องกันสีเขียวเหล่านี้เอง แต่ได้จ้างแรงงานเป็นคนในชุมชนที่อยู่รอบๆ นิคมที่รวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน ให้โอกาสเขาได้เข้ามาทำงานก่อน แม้จะไม่มีเงินทุนและอุปกรณ์ ทางนิคมก็จะช่วยสนับสนุนให้ รวมทั้งมีการแนะนำให้ความรู้ในเรื่องการจัดการธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนชุมชนอีกทางหนึ่ง” ชลณัฐ บอกเล่านอกจากนี้ นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอลยังได้ออกแบบอาคารสำนักงานและคลังสินค้าให้เป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกัน เพื่อยืดระยะห่างระหว่างชุมชนกับตัวโรงงานให้มากที่สุด
“
เราดีใจที่ภาครัฐส่งเสริมให้นิคมในมาบตาพุดจัดทำ Protection Strip และยินดีที่จะเป็นตัวอย่างให้อุตสาหกรรมอื่นๆ นำไปปรับ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อชุมชน และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างเกื้อกูล เป็นสุข และยั่งยืนต่อไป” ชลณัฐ กล่าวอย่างไรก็ดี Protection Strip เป็นเพียงแนวทางป้องกันเสริม แต่หัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม คือ การเดินเครื่องผลิตของโรงงานที่ต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษหรือสิ่งที่เป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชนโดยรอบ


