ยุติปัญหาด้วยกระบวนการแห่งพระธรรมวินัยหากมีอธิกรณ์เกิดขึ้น (ตอน ๒)
ปุจฉา : กราบขอโอกาสส่งสำเนาบทสัมภาษณ์ในนิตยสารแพรว ฉบับวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๓ อ่านเป็นข้อปุจฉา กราบอาราธนาท่านพระอาจารย์เมตตาวิสัชนาด้วยเจ้าค่ะ ด้วยความกังวลที่ว่า สัทธรรมปฏิรูปกำลังปรากฏชัด จากคำสอนที่ทำให้ไม่มั่นใจและจากสื่อที่ช่วยกันนำมาเผยแผ่ โดยอาจจะไม่ได้กลั่นกรอง หรือไม่มีความรู้มากพอที่จะกลั่นกรอง
ปุจฉา : กราบขอโอกาสส่งสำเนาบทสัมภาษณ์ในนิตยสารแพรว ฉบับวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๓ อ่านเป็นข้อปุจฉา กราบอาราธนาท่านพระอาจารย์เมตตาวิสัชนาด้วยเจ้าค่ะ ด้วยความกังวลที่ว่า สัทธรรมปฏิรูปกำลังปรากฏชัด จากคำสอนที่ทำให้ไม่มั่นใจและจากสื่อที่ช่วยกันนำมาเผยแผ่ โดยอาจจะไม่ได้กลั่นกรอง หรือไม่มีความรู้มากพอที่จะกลั่นกรอง
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
ปุจฉา : กราบขอโอกาสส่งสำเนาบทสัมภาษณ์ในนิตยสารแพรว ฉบับวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๓ อ่านเป็นข้อปุจฉา กราบอาราธนาท่านพระอาจารย์เมตตาวิสัชนาด้วยเจ้าค่ะ ด้วยความกังวลที่ว่า สัทธรรมปฏิรูปกำลังปรากฏชัด จากคำสอนที่ทำให้ไม่มั่นใจและจากสื่อที่ช่วยกันนำมาเผยแผ่ โดยอาจจะไม่ได้กลั่นกรอง หรือไม่มีความรู้มากพอที่จะกลั่นกรอง
กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างที่สุด
ศิษย์ธรรมส่องโลก
“พระพุทธศาสนาของเราที่สืบเนื่องมาได้ เพราะพระสงฆ์และอุบาสก อุบาสิกา ร่วมกันรับผิดชอบถวายการดูแลโดยการประพฤติปฏิบัติบูชา ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติชอบโดยธรรม สมควรแก่ธรรม หรือถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้ดีแล้ว”
วิสัชนา : โดยต้องนำพระธรรมวินัยมาเป็นเครื่องตัดสิน... ซึ่งหากขัดแย้ง มีความเห็นไม่ตรงตามพระธรรม... ไม่ตรงตามพระวินัย ก็ต้องประชุมสงฆ์เพื่อหาข้อยุติในปัญหาดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้พระภิกษุละเมิดพระธรรมวินัย ซึ่งปัญหาที่เกิดจากความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับหลักธรรมและหลักวินัย เรียกว่า วิวาทาธิกรณ์ ดังเช่นพระภิกษุในโกสัมพี มีความเห็นแตกต่างกันในข้อพระวินัยบางข้อ จนถึงกับทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต เรียกว่า เกิดวิวาทาธิกรณ์ขึ้น ซึ่งสงฆ์ต้องประชุมพิจารณาเพื่อยุติอธิกรณ์นั้น
สำหรับคำว่า “อธิกรณ์” นั้น หมายถึง เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว จะต้องจัดต้องทำ หรือ ต้องชำระสะสางให้แล้วเสร็จ เพื่อทำให้เกิดความสงบสุขในหมู่คณะ ... ที่สงฆ์ต้องดำเนินการมี ๔ อย่าง คือ
๑.วิวาทาธิกรณ์ หมายถึง การเถียงกันเกี่ยวกับพระธรรมวินัย
๒.อนุวาทาธิกรณ์ หมายถึง การโจทย์และกล่าวหากันด้วยอาบัติ
๓.อาปัตตาธิกรณ์ หมายถึง การต้องอาบัติ การปรับอาบัติ และการแก้ไขตัวให้พ้นจากอาบัติ
และ๔.กิจจาธิกรณ์ หมายถึง กิจธุระต่างๆ ที่สงฆ์ต้องทำ เช่น การให้อุปสมบท ซึ่งสงฆ์ต้องทำร่วมกัน
ทั้ง ๔ อย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนวิธีการรักษาพระธรรมวินัยที่บริสุทธิ์ให้ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็ง เพื่อการสืบอายุของพระพุทธศาสนาให้สืบเนื่องต่อไป โดยการร่วมกันรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ ดำรงเป็นฐานหลักลงในชีวิตของพระภิกษุ และคณะสงฆ์ทั้งหมดอย่างแนบแน่นมั่นคงและต่อเนื่อง เพื่อสถาปนาองค์กรพระพุทธศาสนาให้มั่นคงเข้มแข็ง
ดังนั้น ในพระพุทธศาสนาของเราที่สืบเนื่องมาได้ เพราะพระสงฆ์และอุบาสก อุบาสิกา ร่วมกันรับผิดชอบถวายการดูแลโดยการประพฤติปฏิบัติบูชา ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติชอบโดยธรรม สมควรแก่ธรรม หรือ ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้ดีแล้ว ซึ่งหากมี “ข้ออธิกรณ์” หรือมีเรื่องที่เกิดขึ้น เช่น กรณีมีความเห็นแตกต่างกันอันเกี่ยวกับพระธรรมวินัย ที่เรียกว่า “วิวาทาธิกรณ์”
สงฆ์ก็จะต้องประชุมเพื่อรีบระงับอธิกรณ์นั้นๆ หรือยุติอธิกรณ์นั้นโดยเร็ว เช่น กรณีที่กล่าวถึงปาฏิโมกข์สังวรศีล อันเป็นศีลของภิกษุว่า มีเพียง ๑๕๐ ข้อ จากจำนวน ๒๒๗ ข้อ ตามแบบแผนดั้งเดิมที่คณะสงฆ์ไทยถือกันมา ซึ่งพระสงฆ์ทำอุโบสถทุกกึ่งเดือน ที่กล่าวว่า สวดปาฏิโมกข์มี ๒๒๗ ข้อ หรือ ๒๒๗ สิกขาบท อันได้แก่ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจิตตีย์ ๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยสัท ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗...
จากความเข้าใจที่แตกต่างกันในพระธรรมวินัยของพระภิกษุ หากไม่รีบแก้ไข หรือ ยุติปัญหา ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้ย่อมเป็นจุดอันตรายอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา ดังเหตุการณ์ที่เคยมีมาจากในอดีต ซึ่งต้องมีการสังคายนาชำระสะสางพระไตรปิฎกกันหลายครั้งหลายหน เพื่อทำความเป็นหนึ่งเดียวกันให้เกิดขึ้นในสงฆ์ ด้วยพระธรรมวินัยที่เป็นอันเดียวกัน
อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้


