posttoday

เตรียมพร้อมรับมือกับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

28 ธันวาคม 2553

เรื่อง ปวศร พิทักษ์

 

อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือโรคที่มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะเป็นโรคที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร เกิดมาจากสาเหตุใด และมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

นายแพทย์ปัญญา ลีชาแสน อายุรแพทย์หัวใจ เชี่ยวชาญด้านการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ มาให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะว่า อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือโรคที่มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะนั้น แบ่งง่ายๆ ได้ 2 แบบ คือ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นอกจากนั้นยังแบ่งย่อยออกเป็นจากหัวใจห้องบน และหัวใจห้องล่างได้อีกด้วย ซึ่งอุบัติการณ์โดยรวมของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะนี้ นพ. ปัญญา บอกว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะหัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยมากกว่าส่วนอื่นๆ

ส่วนสาเหตุหลักๆ ของอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นมาจาก 2 ข้อใหญ่ๆ นั่นคือ สาเหตุที่มาจากที่คนไข้มีอาการของโรคหัวใจอยู่ก่อน เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว ฯลฯ และสาเหตุที่ไม่ได้มาจากอาการของโรคหัวใจ เช่น กินยาบางชนิดที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ เกลือแร่ผิดปกติ หรือโรคอื่นๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ หรือไทรอยด์ต่ำ โรคปอด ฯลฯ

จริงๆ คนเราก็มีอาการหัวใจเต้นเร็วได้ แต่เป็นอาการปกติ เช่น หลังจากการออกกำลังกาย หรือเวลาที่เราตื่นเต้น ตกใจจากการดูหนังผี หรือหนังแอคชัน หัวใจเราก็จะเต้นเร็วขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นอาการที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนความรู้สึกในแบบที่เหมาะสม แบบนี้ใจก็จะสั่น หัวใจเต้นเร็วเหมือนกัน แต่ถ้าไปตรวจก็จะพบว่าเป็นอาการเต้นเร็วที่เหมาะสมกับภาวะที่เกิดขึ้น แต่อีกแบบหนึ่งถ้าเป็นการเต้นเร็ว แต่ไม่ใช่จังหวะแบบปกติ หรือเต้นเร็วผิดปกติ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น นั่งพักเฉยๆ แต่หัวใจเต้นขึ้นไปที่ 180 ครั้งต่อนาที อันนี้เรียกว่าไม่เหมาะสมกับสภาวะนั้นๆ แล้ว ซึ่งอันนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์ได้แล้ว

การสังเกตตัวเองอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อที่จะได้รู้ว่าอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นตามสภาวะ หรือเป็นสัญญาของอาการผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

อาการหัวใจเต้นเร็วอาจจะสังเกตได้ไม่ยาก ในขณะที่อาการหัวใจเต้นช้าผิดปกติ อาจจะสังเกตได้ยากสักหน่อย แต่ก็ สังเกตได้จากอาการเหนื่อยง่าย หรือไปออกกำลังกายแล้วหัวใจไม่เต้นเร็วเท่าที่ควรจะเป็น หรือที่เจอบ่อยๆ ก็คือ วิงเวียนศีรษะได้ง่าย เกิดอาการเป็นลมบ่อยๆ แต่ถ้าเต้นช้ามากๆ หรือหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะก็อาจจะเกิดอาการหมดสติ เป็นลมไปชั่วขณะได้

ส่วนความอันตรายมากหรือน้อยนั้น นพ. ปัญญา บอกว่า ขึ้นอยู่กับชนิดอาการที่เกิดขึ้น แต่ข้อแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ เมื่อเกิดอาการผิดปกติขึ้นก็ควรที่จะไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด โดยการวินิจฉัยนั้นก็จะเริ่มต้นจากการ ซักถามประวัติเพื่อช่วยในการวินิจฉัย หลังจากนั้นก็จะตรวจร่างกายว่าคนไข้มีโรคหัวใจหรือไม่ อาจจะทำกราฟหัวใจ ซึ่งก็จะได้คำตอบส่วนหนึ่งแล้ว หรือถ้าฟังอาการแล้วดูว่าน่าจะไม่ใช่อาการธรรมดา คุณหมอก็อาจจะต้องมีวิธีการตรวจเพิ่มเติมแล้วแต่จุดที่คิดว่าเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น การติดเครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจตลอด 24 หรือ 48 ชั่วโมง เพื่อให้คนไข้ติดไปที่บ้าน เพื่อบันทึกการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ถ้ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะ เต้นสะดุด หรือหยุดเต้นไปก็จะเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน หรือเดินสายพานดูว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ หรืออาจจะมีอาการของหลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่

โดยกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะก็คือ กลุ่มที่มีอาการของโรคหัวใจที่จะพบอาการได้มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งตัวบ่งชี้ว่าโรคหัวใจมีระดับความรุนแรงพอสมควรจึงจะทำให้มีอาการ เป็นตัวเตือนให้เรารู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่คนปกติที่ไม่มีโรคหัวใจก็อาจจะเกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติได้เล็กๆ น้อยๆ บางช่วงอาจจะไม่ค่อยอันตราย เพราะไม่มีโรคหัวใจ แต่ก็ควรจะไปตรวจว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร ส่วนการมีหัวใจเต้นผิดจังหวะแล้วเป็นโรคหัวใจเป็นตัวเตือนว่าโรคหัวใจเป็นเยอะอันตรายแล้วจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งบางชนิดที่อันตรายจนถึงกับเสียชีวิตได้ เช่น หัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ จนเลือดไม่ทันวิ่งกลับเข้าหัวใจ ความดันตก เป็นลมหมดสติ อาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้

วิธีการดูแลตัวเองสำหรับคนที่เกิดอาการของโรค ก็ต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำแพทย์ เพราะอาการแต่ละชนิดก็มีวิธีการรักษาแตกต่างกันออกไป บางชนิดเพียงแค่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด บางอาการก็จะต้องแก้สาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น หยุดยาบางชนิด แก้ไขเกลือแร่ที่ผิดปกติ ฯลฯ อาการก็จะกลับมาใกล้เคียงกับปกติได้ แต่บางอย่างอาจจะต้องกินยา บางชนิดเต้นเร็ว แรง อาการเยอะ กินยาไม่หาย ก็อาจจะต้องจี้ไฟฟ้า บางชนิดอาจจะต้องใส่เครื่องช็อตไฟฟ้า เครื่องก็จะคอยเช็คว่าเมื่อไหร่ที่หัวใจเต้นเร็วกว่าที่เช็ตเอาไว้ในเครื่อง เครื่องนี้ก็จะช็อตให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ

สำหรับคนทั่วไปเพื่อป้องกันอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น นพ. ปัญญา แนะว่า ต้องดูแลตัวเอง ง่ายที่สุดก็คือ ปฏิบัติตัวในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพทั่วๆ ไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลามาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อไหร่ที่มีอาการผิดปกติ ผิดสังเกต แล้วไม่มั่นใจ ก็ควรต้องมาปรึกษาแพทย์เพื่อทำการเช็คอาการ ถ้าไม่มีอะไรก็ปลอดภัย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้รับการตรวจ วินิจฉัย และแก้ไขได้ทันท่วงที

ข่าวล่าสุด

CardX มอบเงินบริจาคห้าแสนบาทแก่สภากาชาดไทยเพื่อเร่งฟื้นฟูเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย