posttoday

หลวงพี่ติ่ง

21 ธันวาคม 2553

เรื่อง : ปู โลกเบี้ยว

 

โอ้โห!สุดยอดกว่าจะไปถึง ไกล ทุรกันดาร ต้องผ่านทุ่งนาอันเขียวขจี คิดดูก็แล้วกันว่ารถของอิฉันจากสีแดงแจ๊ดกลายเป็นสีขาวอ่ะ

ไปทำบุญมาค่ะ กรุงเทพนี่แหละแต่ชานเมืองมากมาก อยู่แถวมีนบุรีหนองจอกจ้ะ เข้าทางถนนนิมิตใหม่ก็ได้ ไปให้ถึงสะพานแบนชะโด ต้องผ่านถนนวิบากเข้าไปหน่อยล่ะ ดั้นด้นลัดเลาะคันนาวิวข้างทางคือท้องทุ่งนาที่ชาวนาเขาปลูกข้าวกัน

แต่พอไปถึงที่หมายเหมือนได้เข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นโลกของความสงบร่มเย็นและเงียบมาก ๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไงต้องไปสัมผัสกันเอาเองอ่ะค่ะ

โบสถ์ไม่มีมีแต่ศาลากลางน้ำที่มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ มีศาลาโล่ง ๆ ไว้ให้ผู้มีจิตศัทธาได้ทำกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน พื้นที่โดยรอบจะเป็นลานที่มีต้นไม้เขียวครื้มไปหมด และห้องน้ำสะอาดมาก ๆ ขอบอก

รู้มั้ยว่ากว่าจะเป็นสภาพที่เห็นแล้วสวยงามเช่นนี้อ่ะ เมื่อก่อนนั้นไม่มีสภาพเป็นวัดให้เห็นเลยน่ะซิ

วัดนี้ชื่อว่าวัดเสนานนท์ค่ะ เป็นวัดพุทธที่อยู่ท่ามกลางศาสนาอื่น ทั้งวัดมีพระพระประเสริฐ หรือหลวงพี่ติ่ง เพียงองค์เดียว ที่จำวัดอยู่ จึงเป็นทั้งเจ้าอาวาสและลูกวัด องค์อื่น ๆ ไปหมดแล้ว จะมีบ้างที่มีพระจากวัดอื่นมาธุดงค์ เป็นครั้งคราวเท่านั้น ทำให้อึ้ง ๆไปแล้วอดที่จะไถ่ถามความเป็นมาไม่ได้เชียวล่ะ ว่าอยู่ได้ไงเนี่ย???

ก็เมื่อประมาณปี 2540 หลวงพี่ติ่งก็เป็นฆารวาสคนธรรมดานี่แหละ เป็นคุณครูสอนฟิตเนส เศรษฐกิจไม่ดีเลยโดนปลดออก ไม่มีอะไรทำก็เลยไปเรียนโหราศาสตร์ แล้วกลับบ้านเกิดที่นครศรีธรรมราช ได้มีโอกาสบวชเรียน เจอะเจอกับพระอาจารย์ของท่านที่นั้น ได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมตามรอยของท่านพุทธทาสภิกขุ แล้วเลิกศึกษาโหราศาสตร์ไปเลย เพราะท่านพุทธทาสท่านไม่ค่อยศัทธาเรื่องพวกนี้

อยู่มาวันหนึ่งพระอาจารย์ของหลวงพี่ติ่ง ก็ฝันจังเลยยยว่ามีวัดร้างอยู่แถว ๆ มีนบุรีนี่แหละ เลยชวนกันมาตระเวนหาและแล้วก็เจอวัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งท่านพระยาเสนานนท์ (นายพันตำรวจเอก พระยาเสนานนท์) ซึ่งถึงแก่กรรมไปตั้งแต่ปี 2490 แล้วนั้น ได้บริจาคพื้นที่บริเวณนี้ให้กับวัดร้างแห่งนี้ แต่ด้วยความที่วัดพุทธแห่งนี้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่นับถือศาสนาอื่น ทำให้ดำรงอยู่ได้ยากยิ่งนัก พระเปลี่ยนหมุนเวียนจนไม่มีใครอยู่กลายเป็นวัดร้างไปซะอย่างงั้น

หลวงพี่และพระอาจารย์ของท่านจึงได้เข้ามาบูรณะต่อ แบบค่อยเป็นค่อยไป ตามมีตามเกิด ปลูกกระต๊อบไว้สำหรับจำวัด ขุดคลองเก็บน้ำไว้ใช้ จากศาลาไม้ผุ ๆ พัง ๆ ก็เริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมาบ้าง ก็กฐินปีแรกที่ประชาชนผู้ศรัทธาช่วยกันทำน่ะ เริ่มตอนปีพศ.2543 น่ะ ได้เงินมา 4 หมื่นกว่าบาท พระต้องช่วยกันทำตั้งแต่งานขุดดิน งานไม้งานปูน อันไหนทำไม่ได้ก็จ้างชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยทำจากเงินบริจาคนั้นแหละ

พอเงินบริจาคหมดก็หยุดทำ พอเรี่ยไรได้บ้างก็ทำต่อ ใช้เวลาสร้างจนเป็นรูปร่างที่สวยงามสงบแบบบ้าน ๆ

ที่ปูไปเห็นมาเนี่ยก็ปาเข้าไปสิบปีอ่ะ ปี 2553 นี่แหละที่ผู้ศัทธาทั้งหลายได้นั่งบนศาลาปูนโล่ง ๆ ห้องน้ำสวย ๆ

น้อง ๆชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนมีคนอยู่ 89 คนเท่านั้นแหละ มาเดินเวียนเทียนกับโครงศาลา แล้วมีหมาเดินตาม วัดนี้มีไฟฟ้าเข้าถึงแล้วนะคะ แต่น้ำประปายังไม่มี หลวงพี่ติ่งแกก็เอาน้ำคลองที่ขุดไว้นั้นน่ะมากรองแล้วกรองอีกจนน้ำใสเชียว

ตอนปูไปเข้าห้องน้ำปูก็ว่าน้ำทำไมเย็นใสสะอาดจังคิดว่ามีน้ำประปาซะอีก หลวงพี่บอกไม่มีหรอกขอทางเขตแล้ว ขอทั้งน้ำประปาและถนน แต่ทางเขตก็บอกว่ายังไม่มีงบ ทำยังไงได้ล่ะ อาตมาเลยเบื่อที่จะเข้าไปทำเรื่องขอแล้ว หลายครั้งแล้วเดี๋ยวเขาจะพาลเกลียดขี้หน้าเอา เรามีปัญญาทำได้แค่ไหนก็ทำกันไป

ปูก็เลยถามว่าแล้วทำไมชาวบ้านและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอื่นที่อยู่รอบ ๆ ถึงมีน้ำประปาไฟฟ้าและถนนเข้าไปถึงล่ะคะท่าน???

หลวงพี่ก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร

ทำให้ปูต้องถามคำถามที่สงสัยค้างคาใจเอามาก ๆ เลยว่า หลวงพี่อยู่ได้ยังไงองค์เดียวในหมู่.....(ศาสนาอื่น)ท่านก็เล่าว่ามาถึงตอนแรก ๆ ก็โดนเหมือนกัน ออกบิณฑบาตวันหนึ่งอย่างมากที่สุดได้สักสองคนที่ใส่บาตรมาเพราะเป็นพุทธศาสนา จนชาวบ้านถามท่านว่ารู้มั้ยว่าแถวนี้เขานับถือศาสนาอะไรกัน หลวงพี่ก็ว่ารู้ว่านับถือศาสนาอะไรกันแต่ในขณะเดียวกันในหมู่ของพวกท่านก็มีชาวพุทธอาศัยอยู่ด้วยมิใช่รึ

บางวันก็เจอพรรคพวกรุมล้อมไว้ขวางไม่ให้เดินออกไปบิณฑบาต ท่านก็บอกว่า ด้วยความที่อาตมาโชคดีเคยเป็นคนใต้ ชาวพุทธที่อาศัยร่วมอยู่กับพวกศาสนาอื่นนี้มาก่อน จึงรู้จักที่จะปฏิบัติตนเช่นไรเช่นเมื่อพวกเขามาล้อมเรา เราก็ยืนเฉย ๆ ซะ ไม่ไปโต้ตอบหรือแสดงอาการหวาดกลัว เดี๋ยวพวกเขาก็ร่นถอยไปเองแหละ แล้วอาตมาก็เดินต่อ

บางทีก็มีเสียงปืนยิงขู่ สมัยก่อนอยู่มืด ๆ ปัจจุบันนี้ยังมีไฟให้ใช้โชคดีแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังต้องเดินออกไปบิณฑบาตเป็นสิบกิโลอยู่ดีน่ะ สิบปีนี้มีแต่ความศรัทธาที่ทำให้อยู่ได้

ในที่สุดความศรัทธาของหลวงพี่ก็บรรลุผล เพราะคนจากศาสนาอื่น หลายคนอยู่ ได้เข้ามาหาที่พึ่งทางใจกับหลวงพี่ และนำเอาคำสั่งสอนธรรมะของพุทธศาสนาไปใช้กับชีวิตประจำวันทำให้มีความสุขมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนศาสนานะ พวกเขาก็ยังคงนับถือศาสนาของพวกเขาไปนั้นแหละ เพียงแต่มาหาที่พึ่งทางใจจากหลวงพี่เท่านั้นเอง

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68