คนเลี้ยงมด “กานต์ รมยาสัย” สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่สร้างสุขและเงินให้มนุษย์
“มด” สัตว์เลี้ยงมาแรงที่ไม่เพียงคลายเหงาแต่ยังสามารถสร้างธุรกิจทำเงินด้วยพื้นที่เพียงหยิบมือเดียว
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : ณัฐพล โลวะกิจ,ปัณณธร แจ้งประโคน
ไม่ใช่แค่มีแต่สัตว์ประเภทน้องหมา แมว ปลา หรือ นก เพียงเท่านั้น! ที่จะเป็นเพื่อนคู่ซี้มนุษย์
ปัจจุบัน “มด” แมลงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่มีชีวิตแต่หลายคนมองข้ามกลับกลายมาเป็นมิตรได้กับคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมเป็นคู่หูที่ดีที่สามารถทำรายได้กับกันและกันเป็นของแถมอีกต่างหาก
และนี่ก็คือเรื่องราวของ “กานต์ รมยาสัย” หนุ่มนักเรียนกูรูผู้รู้เรื่องมดเบอร์ต้นเมืองไทยเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “คนเลี้ยงมด : Aat Keeping Thailand” หรือที่คนในโลกวงการมดรู้จักในนาม ‘Honeypot Ant King’
ฉนวนความสงสัยทำเรื่อง 'Ant' เริ่ม
กานต์เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการความรู้สึกที่อยากเลี้ยงเจ้ามดตัวเล็กๆ เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเองก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กในช่วงอายุประมาณ 8-9 ขวบ จากความอยากรู้อยากเห็นวงจรชีวิตและความเป็นอยู่ของมดที่ทำรังใต้ดินมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
“เห็นมดคันไฟรังหนึ่งทำรังในช่องรูปูนที่ของฟุตบาทริมถนน ปูนมันแตกจนพื้นที่บริเวณนั้นเป็นทราย เราก็ชอบไปนั่งเล่นนั่งดูรังมดคันไฟรังนี้อยู่บ่อยๆ จนมันจินตนาการว่ามันคือเมืองๆ หนึ่ง เราก็จะชอบเอาใบไม้ กิ่งไม้ไปวางตั้งๆ เอาไว้ เหมือนเป็นสิ่งก่อสร้าง ชอบไปยืนฉี่เป็นแอ่งน้ำแล้วจินตนาการว่าเป็นแหล่งน้ำของเมือง
“10 ปีที่แล้วก็ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงมดเป็นสัตว์เลี้ยงเป็นภาษาไทย เราก็อยากรู้ว่าจริงๆ แล้วข้างในรังมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ทำเมืองอย่างนั้นจนวันหนึ่งมีการปรับปรุงฟุตบาทจุดนั้น มีการเทปูนทับรังมดคันไฟ มันก็ทำให้ติดอยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ รังมันเป็นยังไงจริงๆ แล้ว เลยอยากจะเลี้ยงมดเป็นสัตว์เลี้ยง”
ความฝันของเด็กน้อยที่อาจจะฟังดูเพี้ยนหรือบ้าก็ได้กลายเป็นจริงขึ้นมาในช่วงครบรอบวันเกิดอายุ 26 ปี หลังการไปเรียนป.โทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาได้รู้จักกลับผู้ที่สนใจในเรื่องมดและเลี้ยงมดเหมือนตัวเอง
“ไปพบกับกลุ่มคนเลี้ยงมดของประเทศอเมริกา ได้เห็นภาพมดต่างๆ เห็นวิธีการเลี้ยง ได้พูดคุยกับคนที่เลี้ยงมดเป็นสัตว์เลี้ยง หมดไปหลายแสนเหมือนกันกว่าจะได้วิชา” กานต์ยิ้มเมื่อเล่าถึงฝันที่เป็นความจริง โดยแรกเริ่มจากการเลี้ยงมดดำและมดแดงด้วยนางพญา 1 ตัวและมดงาน 2-3 ตัวเพียงเท่านั้น
“ความคิดที่เราอยากจะเลี้ยงจนมดงานมีจำนวนมากๆ แล้วให้เค้ามาเจอกันในพื้นที่หาอาหารตรงกลางเพื่อดูพฤษติกรรมการแย่งชิงหรือทำสงครามระหว่างมดมันคงยังอยู่ในใจอยู่ ณ ตอนนั้น แต่พอเอาเข้าจริงความคิดที่จะเอามดมากัดกันคือหายตั้งแต่วันแรกที่ได้มดมาเลี้ยง มันต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจินตนาการไว้ก่อนที่เราจะได้เลี้ยงมดจริงๆ อย่างมาก เพราะมด 2 รังแรกที่ได้เลี้ยงคือมดตะลานชนิดหนึ่งในประเทศอเมริกา ซึ่งมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ มีสีค่อนข้างสวยและโตค่อนข้างจะช้ามากๆ ในทุกๆ วันเราจะมานั่งเฝ้าดูมดเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน เราเห็นพฤติกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การป้อนอาหาร นางพญาที่กำลังออกไข่ ตัวอ่อนของมดที่เข้าดักแด้ มดงานที่ช่วยกันแกะมดงานออกมาจากดักแด้ กระบวนการต่างๆ ตั้งแต่ ไข่มด 1 ฟองไปจนกระทั่งมีมดงานใช้เวลาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 1 เดือน เป็นระยะเวลาที่่นานมากๆ ถ้าเราคิดว่านี่คือแมลงที่เรียกว่ามด เราต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือนเพื่อให้มดที่เราเลี้ยงมีมดงานเพิ่มขึ้นจนถึงหลัก 10 ตัว
“ถ้าเราเปรียบเทียบมด 1 ตัว เท่ากับคน 1 คน นั้นหมายความว่ามด 1 รัง อาจจะหมายถึงเมือง 1 เมือง เรากำลังเฝ้าดูผู้คนจำนวนมากที่กำลังดำเนินชีวิตแตกต่างกันไปตามหน้าที่ของตนเอง ณ เวลานั้นๆ นางพญามดเป็นเหมือนเจ้าเมืองถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้คนที่คอยดูแลและปกป้องผู้นำของตนเอง ตัวอ่อนคือเหล่าเด็กๆที่จะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่หรือมดงานในอนาคต เหล่ามดงานที่กำลังหาอาหาร ทำความสะอาด ลาดตะเวน ป้อนอาหารตัวอ่อนคือประชาชนผู้ขับเคลื่อนเมือง แม้กระทั่งมดทหารที่ยืนอยู่เฉยๆเฝ้าปากทางเข้าออกของรังป้องกันผู้บุกรุกก็เป็นหน้าที่สำคัญมากๆ ที่เมืองควรจะมี การดำรงชีวิตเหล่านี้ของมดล้วนเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ผมสามารถอยู่ในห้องมดได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน นั่งมองมดไปเรื่อยๆ สร้างความเพลิดเพลินให้แก่เราในการเฝ้าดู มองดูและอดทนที่ยาวนานเหลือเกิน จนเกิดเป็นความรักความผูกพัน เกิดเป็นความหลงไหนในชีวิตเล็กๆ เหล่านี้”
กำเนิด ‘Honeypot Ant King’
จากความชอบกลายเป็นความรักและความหลงใหลทำให้ 2 รังมดได้แพร่ขยายกลายเป็น 10 รังมด เกิดอาณาจักรจักวรรดิ์มดที่มีมดนนับร้อยพันตัวในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเท่านั้น
“เราเริ่มรู้สึกว่ามดแค่ 2 รังมันไม่ตอบสนองความอยากรู้ของเราแล้ว เนื่องจากมดในอเมริกามีหลายชนิดมากๆ นับรวมๆ ที่สามารถหาซื้อได้ ณ ตอนนั้นมีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีพฤษติกรรมและลักษณะที่แตกต่างกันไป บางชนิดค่อนข้างจะนิ่ง บางชนิดค่อนข้างตื่นตระหนก บางชนิดขี้กลัว บางชนิดดุ บางชนิดตัวเล็ก บางชนิดตัวใหญ่ ก็ทยอยหาซื้อมดมาเลี้ยงเรื่อยๆ”
1 ปี ผ่านไปเสน่ห์ของมดก็พาให้กานต์ดำดิ่งสู่โลกของมดมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเขากลายมาเป็นหนึ่งในกูรูคนหนึ่งของวงการมดที่รู้จักกันในนาม ‘Honeypot ant King’ ที่เกือบแลกมาด้วยชีวิตของตัวเขาเอง
“เริ่มถลำลึกเกี่ยวกับมดไปเรื่อยๆ ก็ออกไปหาดูมดที่อยู่ตามธรรมชาติ ไปหานางพญามดมาเลี้ยงด้วยตนเอง อารมณ์คล้ายๆ ของสะสมมีอันนี้แล้วก็ต้องมีแรร์ไอเทม มด Honeypot Ant เป็นมดที่มีความเจ๋งอันดับต้นๆ ของประเทศอเมริกา ขายกันหลัก 100 ดอลล่าร์ ทำให้มีผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงมดชนิดนี้ในประเทศอเมริกาเยอะมาก แต่ปัญหาคือคนส่วนใหญ่เขามักจะไม่รู้ว่าจะไปหามดชนิดนี้ได้ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร คนทั่วๆไปถ้าไม่ได้ศึกษาอย่างลึกๆจริงๆหรือสะสมประสบการณ์มา โอกาสที่จะหานางพญามด Honeypot ant ด้วยตัวเองแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เรารู้
“ทีนี้ปัญหาคือการออกไปหามดมาเลี้ยงส่วนใหญ่มักไปตอนกลางคืน เนื่องจากมดส่วนใหญ่หากินทำให้เราได้พบเจอกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ (หัวเราะ) มีหลายครั้งที่เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถลืมได้เลย อย่างขึ้นเขาไปหามดในป่าตอนเที่ยงคืน โดนสิงโตภูเขาเดินตามนานอยู่หลายนาทีจนต้องขับรถกลับบ้าน ไปหาในทะเลทรายจิ้งจอกทะเลทราย ฝูงหมาป่าโคโยตี้ แต่ตื่นเต้นสุดๆ คือก้มลงเก็บนางพญามดบนพื้นแล้วเงยหัวขึ้นไปเห็นงูหางกระดิ่งตัวใหญ่กำลังขดตัวอยู่ข้างหน้าห่างกันไม่ถึง 1 เมตร ซึ่งถ้ามันพุ่งฉกเรา เราก็คงต้องโทร 911 ให้รถตำรวจมารับหรือเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับส่งโรงพยาบาลทันที เพราะสถานที่จากกลางทะเลทรายไปสู่เมืองนั้นห่างไกลมากๆ
“ถ้าถามว่าคนอื่นเขาหาว่าสิ่งที่เราทำเป็นคนบ้าๆ เพี้ยนๆ มีอะไรตั้งเยอะแยะให้เลี้ยง ตั้งแต่ที่เลี้ยงมด เท่าที่เจอมาจะมีคน 2 ประเภทที่แสดงออกเมื่อรู้ว่าเราเลี้ยงมด คนประเภทหนึ่งคือรู้สึกว่าเราบ้า ไร้สาระ ไม่มีอะไรทำหรือไงนั่งเลี้ยงมด กับคนอีกประเภทหนึ่งที่มองว่าเราเท่ เราฉลาด เราเป็นอัจฉริยะ ซึ่งถ้าเราเจอคนประเภทแรก เราก็แค่ยิ้มๆ และก็ปล่อยเขาไป เพราะรู้สึกว่ามันเสียเวลาที่เราจะไปนั่งอธิบายเรื่องมดให้คนที่ไม่สนใจฟัง ส่วนคนประเภทที่สองจะอยากรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับมดที่เราเลี้ยง คนประเภทนี้เราสามารถที่จะเล่าสิ่งต่างๆ ให้เขาฟังได้”
เพื่อนใจ เกลอเงิน
หลังการกลับมาเมืองไทยกานต์ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก “คนเลี้ยงมด : Aat Keeping Thailand” เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่คนที่สนใจและบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ นี้นั้นไม่ได้แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ผู้คนมักนิยมเลี้ยง อาทิ สุนัข แมว นก ฯลฯ เพียงเท่านั้น จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้สนใจเลี้ยงมดจากหลัก 10 ในเวลานั้นกลายเป็นหลัก 100,000 ขึ้นในเมืองไทย
“ตอนแรกจะเปิดเพจเพื่อเขียนบันทึกเรื่องราวของมดส่วนตัว แต่มีคนสนใจมีคนเลี้ยงมดในเมืองไทยเหมือนกัน ผู้ใหญ่ที่มีความฝันวัยเด็กเหมือนกัน ว่าแบบตอนเด็กๆ อยากจะเลี้ยงมดจังเลย แต่ไม่รู้จะเลี้ยงยังไง ได้มาเปิดเจอเพจเราแล้วได้ทำฝันให้จริงในวัยโต เราก็เลยเขียนวิธีแนะนำการเลี้ยง เรื่องราวของมดของตัวผม คนก็เริ่มติดตามและสนใจเพราะการนำเสนอเรื่องราวของมดในมุมที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน และทำให้ผู้คนเห็นว่ามดนั้นสามารถเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้ มีความน่าสนใจไม่แพ้กว่าแมลงหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ การเลี้ยงมดก็เหมือนเลี้ยงหมาแมว”
และ ‘มด’ ยังสามารถช่วยโรคซึมเศร้า โรคที่หลายๆ คนป่วยกันอยู่ในขณะนี้ของเมืองไทยเนื่องจากถึงแม้จะไม่ได้สัมผัส ไม่ได้กอดหอม แต่เราสัมผัสได้ด้วยการเฝ้ามองการเจริญเติบโตของเขาในแบบที่เขาไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเรามันก็ก่อเกิดเป็นความรักความผูกพัน และที่สำคัญคือมดยังสามารถ ‘สร้างรายได้’ ได้อีกด้วย
“มดในไทยมีความเจ๋ง ที่สามารถหาได้ตอนนี้นะ มีมดเขี้ยวดาบ เขาเป็นมดที่ตัวใหญ่ แล้วลักษณะปากเขาจะยาวๆตาโต มองเห็นได้ไกล กระโดดได้ด้วย หนามกระทิงดำ สร้างรังโดยการทำใย (ยิ้ม) ก็มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ที่เขาสนใจเลี้ยงเริ่มต้นเขาก็มาขอซื้อนางพญาราคามดไทยก็ 10-20 บาท ต่อนางพญา 1 แพงสุดก็หลัก 1,000 ชื้อกล่องรังที่เลี้ยงที่เราทดลองทำขึ้นจนเลี้ยงได้ผลดีต่อมดเริ่มต้นก็ราคา 500-600 บาท
“ก็คิดว่า 2-3ปี จากนี้ก็จะทำเป็นอาร์ตมิวเซียมเล็กๆ ขึ้นให้ผู้คนที่สนใจได้เข้ามาศึกษา มาดูวิถีชีวิตของมดเหล่านี้ที่เมืองไทยมี 1,000 กว่าชนิด แล้วก็มีรังมดมีมดขายในร้าน เพราะว่ามดเนี่ยคือสิ่งที่ผมรัก แล้วผมก็อยากจะอยู่กับมันตลอดไป” กานต์กล่าวทิ้งท้าย


