posttoday

หลักบริหาร ‘ทิศทั้ง 4’ ในองค์กร

13 ธันวาคม 2553

เรื่อง : รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ได้ยินกันหนาหูขึ้นทุกทีกับคำบ่นรำพึงรำพันของมนุษย์เงินเดือนที่ว่า ทำดีไม่ได้ดี แต่ทำชั่วได้ดีมีถมไปพูดกันหนักๆ เข้า อาจทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ ก็เริ่มเคลิ้มๆ อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า ทำชั่ว แต่ได้ดีมีถมไป ถ้าอย่างนั้น...หันมาทำชั่วกับเขาบ้างจะดีไหม? ถ้าคิดอย่างนี้กันหมดทุกคน สังคมคงอยู่ไม่ได้แล้วนะคะ

นอกจากนี้ ก็ยังมีคำพูดติดปากอีกประโยคหนึ่งด้วยว่า เก่งไม่พอ ต้องเฮงด้วยซึ่งแปลว่าเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีโชคดีช่วยด้วย แต่ว่าจะทำอย่างไรล่ะ ถึงจะทั้งเก่งด้วยและเฮงด้วยในเรื่องของการทำงานประกอบอาชีพ? ผู้เขียนเชื่อว่าหากเราอยากจะ เฮงในที่ทำงานโดยไม่ต้องพึ่งโหราศาสตร์ หรือการเซ่นสรวงบูชา หรือสะเดาะเคราะห์ตามคำแนะนำของเทพพยากรณ์ต่างๆ เราก็ยังมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ตามหลักเหตุผล (ไม่ใช่นอกเหตุเหนือผล) ที่สามารถนำมาปฏิบัติได้อยู่

ในทางพระพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าได้ประทานธรรมะหลายข้อ เพื่อเป็นหลักคิดหลักปฏิบัติในการประกอบกิจการงานและดำเนินชีวิตประจำวันให้ประสบความสำเร็จ และมีความเจริญก้าวหน้าอยู่หลายวาระ ยกตัวอย่างธรรมะที่เกี่ยวกับการทำงานก็มีเช่น หลักอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) แล้วก็เรื่อง ทิศทั้ง 6ที่ควรไหว้ ผู้เขียนเข้าใจว่าชาวพุทธโดยทั่วไปน่าจะคุ้นเคยกับหลักอิทธิบาท 4 แล้ว จึงไม่ขอบรรยายให้มากความไป จึงขอคุยเรื่อง ทิศทั้ง 6แทน ทิศในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทิศทางภูมิศาสตร์ เช่น ทิศเหนือ ทิศใต้ หากแต่ ทิศ 6คือบุคคล 6 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับเราที่เราพึงปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านี้ให้เหมาะสม ถูกต้อง เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีและความสำเร็จก้าวหน้าในงานและชีวิตส่วนตัว

ทิศ 6 ประกอบด้วย (1) ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา (2) ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครู อาจารย์ (3) ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ บุตร ภรรยา (4) ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มิตรสหาย (5) ทิศเบื้องต่ำ ได้แก่ บ่าวไพร่ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา (6) ทิศเบื้องบน ได้แก่ พระสงฆ์ สมณะชีพรามหณ์ หรือนักบวช

จากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้เขียนขอนำมาประยุกต์เพิ่มเติมให้เข้ากับบรรยากาศการทำงานขององค์กรสมัยใหม่ให้มากขึ้น ผู้เขียนมองว่าชีวิตการทำงานในองค์กรของเรานั้นมีบุคคลอยู่ 4 ประเภท หรือทิศทั้ง 4 ที่เราต้องเกี่ยวข้องด้วยก็คือ

(1) ทิศเบื้องบน ได้แก่ ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นนั่นเอง (2) ทิศเบื้องล่าง คือ ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกน้อง (3) ทิศเบื้องขวา คือ เพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกแผนก (4) ทิศเบื้องซ้าย คือ ลูกค้าหรือผู้รับบริการ

หลักวิเคราะห์ง่ายๆ ในการประเมินโอกาสในการ เฮงในที่ทำงานของท่านนั้นก็คือ ประเมินว่าสัมพันธภาพที่ท่านมีกับทิศทั้ง 4 นั้นเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี บวกหรือลบ ทั้งนี้เพราะทิศทั้ง 4 นี้ ล้วนมีอิทธิพลและมีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำงานของท่านทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่มีผลกระทบสูงสุดก็คงหนีไม่พ้นทิศเบื้องบน หรือผู้บังคับบัญชาของท่านที่มีอำนาจหน้าที่ในการประเมินผลงาน ให้คุณให้โทษกับท่านโดยตรง

โดยทั่วไปแล้วหากคิดจะทำงานให้เจริญ พนักงานก็ไม่ควรมีสัมพันธภาพที่ไม่ดีกับหัวหน้างาน ยิ่งถ้ามีเรื่องขัดใจทะเลาะกันก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แต่พนักงานบางคนก็ยังพอเอาตัวรอดได้ เพราะยังมีผู้บังคับบัญชาในลำดับถัดไปให้ความเมตตาเอ็นดูอยู่ หรือมีเพื่อนร่วมงานในทีมให้การสนับสนุนเต็มที่ ทำให้หัวหน้างานเล่นงานท่านไม่ค่อยถนัด บางคนก็มีลูกน้องทำหน้าที่ แบ็กอัพ” (Back up) ให้ลูกพี่อย่างแข็งขันและแข็งแกร่งจนหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานทำอะไรไม่ได้ เพราะหาก ล้ำเส้นลูกพี่ที่รักของพวกเขา ลูกน้องเหล่านี้ก็อาจก่อม็อบไล่หัวหน้างานหรือแม้กระทั่งไล่ CEO ก็ยังได้!

ยังเหลืออีกกรณีหนึ่งก็คือ หัวหน้าก็ไม่ชอบ ลูกน้องก็เกลียด เพื่อนร่วมงานก็เหม็นหน้า แต่ยังเหลือว่าลูกค้า เลิฟม้ากค่ะ โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่กระเป๋าหนักที่เซ็นสัญญาสั่งสินค้าทีเป็นออร์เดอร์บิ๊กบึ้มประมาณว่าบริษัทขาดลูกค้าคนนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้พนักงานคนนั้นก็ยังมีโอกาสที่จะลอยหน้าทำงานในองค์กรต่อไปได้ (ท่ามกลางคนในองค์กรที่ไม่ชอบหน้าเขาเล้ย...)

แต่ถ้าท่านสำรวจตัวเองแล้วปรากฏว่าสัมพันธภาพของท่านกับทิศทั้ง 4 นั้น ไม่ดีทั้งหมดเลย งานนี้ไม่ต้องโทษใครแล้วค่ะ คงต้องส่องกระจกสำรวจพฤติกรรมของตัวเองดีกว่าว่าทำอย่างไรหรือจึงไม่มีใครชอบ ไม่มีใครสนับสนุนท่านเลย

สำหรับสัปดาห์นี้จบแค่การวิเคราะห์ทิศทั้ง 4 ของตัวเองก่อน สัปดาห์หน้าค่อยมาจับเข่าคุยกันเรื่องการสร้างทิศทั้ง 4 ของท่านให้แข็งแกร่งผนวกพร้อมกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเสริมความ เฮงในการทำงานให้กับท่านกันต่อ อย่าพลาดนะคะ เพราะเดี๋ยวจะอด เฮงกัน

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2