โปรตุเกส ตอนที่ 2 สายสัมพันธ์ไทยโปรตุเกส
ชาวโปรตุเกสส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ โดยทั่วไปชาวโปรตุเกสทำงานเพื่อความอยู่รอด
ชาวโปรตุเกสส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ โดยทั่วไปชาวโปรตุเกสทำงานเพื่อความอยู่รอด
โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา
ชาวโปรตุเกสส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ โดยทั่วไปชาวโปรตุเกสทำงานเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน และไม่ค่อยที่จะคร่ำเคร่งและเครียดกับการทำงานมากนัก จนบางครั้งอาจสร้างความอึดอัดใจให้กับคนที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่โดยพื้นฐานแล้วชาวโปรตุเกสเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบเข้าสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้ว่าในช่วงแรกๆ การสร้างมิตรภาพกับชาวโปรตุเกสอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะชาวโปรตุเกสมักจะไม่ค่อยเปิดใจในการที่จะเริ่มต้นทำความรู้จักกับคนที่ไม่คุ้นเคยในระยะแรก ทำให้ดูเหมือนคนโปรตุเกสเข้าถึงยาก แต่เมื่อได้ลองทำความรู้จักและทำให้ชาวโปรตุเกสเกิดความไว้วางใจแล้ว พวกเขาก็จะเปิดใจและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเลยทีเดียว
โปรตุเกสก็เป็นอีกประเทศที่คลั่งไคล้การแข่งขันกีฬาฟุตบอลเหมือนกับประเทศในทวีปยุโรปอื่นๆ เด็กชายชาวโปรตุเกสจะได้รับการปลูกฝังการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และหากมีพรสวรรค์ก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับชาติ สำหรับทีมฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดทีมหนึ่งของโลก โดยมีผลงานที่โดดเด่น คือ ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2004 เมื่อครั้งที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพนั่นเอง
และอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่เป็นที่รู้จัก คือ บทเพลงพื้นเมืองที่เรียกกันว่า ฟาดู (Fado) ซึ่งมีคำร้องและท่วงทำนองที่มีลักษณะเฉพาะตัว และสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของชนชาติโปรตุเกสได้อย่างลึกซึ้ง
ชาวโปรตุเกสได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รับประทานขนมหวานมากที่สุดชาติหนึ่งในทวีปยุโรป นอกจากของหวานที่นิยมรับประทานหลังมื้ออาหารเที่ยงและเย็นแล้ว ระหว่างวันชาวโปรตุเกสยังนิยมไปร้านขนมปังและขนมอบ หรือที่เรียกว่า Pastelarias ที่มีอยู่ทั่วไปแทบทุกถนน ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินกิจการควบคู่ไปกับการจำหน่ายกาแฟสด ร้านเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของชาวโปรตุเกส และถือเป็นแหล่งนัดพบปะสังสรรค์ของผู้คนในท้องถิ่นด้วย
อิทธิพลที่ประเทศไทยได้รับจากประเทศโปรตุเกสและยังคงมีหลักฐานให้เห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจุบัน นั่นคืออิทธิพลในด้านของขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลูกชุบ หรือขนมไทยที่มีส่วนผสมหลักเป็นแป้ง ไข่ และน้ำตาล ซึ่งประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดการทำขนมเหล่านี้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยท้าวทองกีบม้า กุลสตรีเชื้อสายโปรตุเกสและญี่ปุ่น ผู้คิดค้นต้นตำรับการทำขนมไทย จนท่านได้รับสมญานามว่า ราชินีแห่งขนมไทย ภายหลังได้มีการปรับปรุงดัดแปลงจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์ในแบบไทยๆ จนกระทั่งคนไทยส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่าขนมหวานเหล่านี้เป็นขนมหวานของไทยแท้ที่มีมาแต่โบราณ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไทยรับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส ซึ่งประเทศโปรตุเกสก็ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมการรับประทานของหวานที่มีส่วนประกอบ น้ำตาล แป้ง และไข่ มาจากพวกแขกมัวร์อีกต่อหนึ่งนั่นเอง
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปรตุเกสก็เป็นไปด้วยดีและมีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงปัจจุบันก็เกือบ 500 ปี ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 500 ปี ในปี พ.ศ. 2554 ที่จะถึงนี้ด้วย โดยในเบื้องต้นทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายโปรตุเกสก็มีกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยกองวัฒนธรรมสัมพันธ์ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับวิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และสามารถนำไปสู่ความสนใจแก่ชาวโปรตุเกสในด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน มายังประเทศไทยได้อีกด้วย และเมื่อเดือนที่แล้วทางประเทศโปรตุเกสก็ได้นำเรือซากรืซ ที่ได้เดินทางรอบโลกและมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือคลองเตย พร้อมเปิดให้ชาวไทยได้เข้าชมเรือใบสามเสาที่สวยที่สุดลำหนึ่งของโลกอีกด้วย นับได้ว่าเป็นการโหมโรงกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปรตุเกสที่จะครบรอบ 500 ปีในปีหน้านี้ด้วย


