โรคเบาหวานมีกี่ประเภท
ประเภทของโรคเบาหวาน กับระดับน้ำตาลในเลือดดัชนีชี้วัดความเสี่ยง 2 เรื่องที่เราทุกคนควรรู้
ประเภทของโรคเบาหวาน กับระดับน้ำตาลในเลือดดัชนีชี้วัดความเสี่ยง 2 เรื่องที่เราทุกคนควรรู้
"เบาหวาน" เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม และสามารถเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมเสี่ยงของแต่ละบุคคลได้เช่นกัน อาทิ การบริโภคของหวาน มัน หรือไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น ส่วนผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานจากการวัดระดับน้ำตาลในเลือด คือผู้ที่มีระดับน้ำตาล 100-125 มก./ดล. เมื่องดอาหาร 8-12 ชั่วโมง หรือตรวจน้ำตาลขณะที่ไม่ได้งดอาหารได้ 140-199 มก./ดล. ผู้มีระดับน้ำตาลเช่นนี้แม้ยังไม่เป็นเบาหวาน แต่มีโอกาสเป็นเบาหวานสูงกว่าคนทั่วไป
โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 : โรคเบาหวานชนิดที่ 1
พบในเด็กหรือผู้ที่มีอายุน้อยส่วนใหญ่น้อยกว่า 30 ปี มักผอม ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน ถ้าขาดอินซูลินจะเกิดภาวะหมดสติจากน้ำตาลสูงและกรดคีโตนคั่งในเลือด ในประเทศไทยพบผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ร้อยละ 3.4
ประเภทที่ 2 : โรคเบาหวานชนิดที่ 2
พบมากถึงประมาณร้อยละ 95-97 ของผู้เป็นเบาหวานในประเทศไทย ผู้เป็นส่วนใหญ่มักอ้วน อายุมากกว่า 40 ปี ตับอ่อนยังพอผลิตอินซูลินได้บ้าง แต่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ในระยะแรกอาจรักษาได้ด้วยการควบคุมอาหารหรือยาเม็ดลดลดระดับน้ำตาล แต่เมื่อเป็นเวลานานๆ ในบางรายมีเบต้าเซลล์เสื่อม ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีอาจจำต้องฉีดอินซูลิน ปัจจุบันนี้พบในเด็กมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กอ้วนเนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป มีการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ขาดการออกกำลังกาย มักจะนั่งหน้าจอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์แทนการวิ่งเล่น หรือการเล่นกีฬา
ประเภทที่ 3 : โรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานชนิดนี้ผู้เป็นจะต้องไม่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์ ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนจากรกซึ่งมีฤทธิ์ต้านอินซูลินเป็นผลให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ถ้าไม่สามารถเพิ่มการสร้างอินซูลินให้เพียงพอจะทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ได้ หลังคลอดมักจะพบว่าโรคเบาหวานหายไป แต่เมื่อติดตามต่อไปพบว่าหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้มากจึงสมควรให้มีการติดตามเพื่อตรวจหาเบาหวานเป็นระยะ
ประเภทที่ 4 : โรคเบาหวานชนิดอื่นที่มีสาเหตุเฉพาะ
ได้แก่ โรคเบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม โรคของตับอ่อน ความผิดปกติของฮอร์โมน การได้รับยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือสารเคมี เป็นต้น