posttoday

พิชญา หลิวจันทร์พัฒนา อี-คอมเมิร์ซช่วยเกษตรกร

28 มกราคม 2562

ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก (APEC) เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นเวทีของผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก (APEC) เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นเวทีของผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายในงานเดียวกันยังจัดควบคู่ไปกับ “การประชุมผู้นำเยาวชนเอเปก” (APEC Voices of the Future) มีผู้แทนเยาวชนและนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 80 คนจาก 14 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งครั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร (บล.ภัทร) ได้สนับสนุนส่ง 5 ผู้แทนเยาวชนไทยเข้าร่วมการประชุม ได้แก่ ทรงลาภ เรียงเครือ พิชชากร ชวรางกูร ฐิตา แสงหลี ณภพ จงสุทธานามณี และพิชญา หลิวจันทร์พัฒนา ซึ่งพิชญาได้เป็นตัวแทนของกลุ่มเล่าถึงสิ่งที่เยาวชนไทยทำบนเวทีใหญ่นี้

เธอเล่าว่า ตัวแทนเยาวชนต้องออกมานำเสนอบทบาทของเยาวชนในเขตเศรษฐกิจของตัวเองตามวาระหลักของการประชุม วาระของปีที่ผ่านมาคือ การสร้างโอกาสในการลดความเหลื่อมล้ำในยุคดิจิทัล โดยผู้แทนเยาวชนไทยได้ชูประเด็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรไทย

พิชญา ระบุว่า เกษตรกรไทยเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศ โดยมีแรงงานในภาคเกษตรคิดเป็นร้อยละ 30 ของทั้งประเทศ แต่กลับมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และเกษตรกรมีรายได้ต่อหัวค่อนข้างต่ำกว่าภาพรวมทั้งประเทศ

“เราเริ่มมาจากการตั้งคำถามว่า ประชากรกลุ่มไหนในประเทศไทยที่เจอปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุด โดยเราได้เลือกออกมา 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกรไทย และกลุ่มคนยากจน จากนั้นเราคิดว่า พวกเราจะช่วยเหลือเกษตรกรได้มากกว่า เพราะสามารถเข้าไปช่วยด้านการปฏิบัติทางการเกษตร (Agricultural Practice) และในด้านการทำฟาร์ม ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และยังมองว่าประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยมีเกษตรกรไทยเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก พวกเราจึงเลือกกลุ่มนี้”

พิชญากล่าวถึงการทำงานว่า เธอเริ่มศึกษาค้นคว้าจากการทำวิจัย และขอความรู้คำปรึกษาจากศาสตราจารย์ด้านบล็อกเชน จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เพื่อนำความรู้มาใช้กับการทำระบบออนไลน์ มาร์เก็ต เพลส จากนั้นจะมีการประชุมกันทุกสัปดาห์ผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากเธอกำลังศึกษาอยู่ที่ฮ่องกง สมาชิกอีกคนอยู่ที่แคนาดา และอีกสามคนอยู่ที่กรุงเทพฯ จากนั้นนำสิ่งที่ได้จากการประชุมไปปรึกษาผู้ดูแลเยาวชน โดยทั้งหมดดำเนินการก่อนวันงานประชุมเป็นเวลาร่วมเดือน

พิชญา หลิวจันทร์พัฒนา อี-คอมเมิร์ซช่วยเกษตรกร

ทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ ผู้ดูแลเยาวชน และผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บล.ภัทร กล่าวถึงการประชุมผู้นำเยาวชนเอเปกว่า เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2541 โดยเชิญผู้แทนเยาวชนและนักศึกษาจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกเข้าร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนมุมมองที่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุมของเอเปก และยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรม และเยาวชนจากทุกประเทศจะร่วมกันร่างปฏิญญาเยาวชนเพื่อส่งให้ผู้นำเอเปกต่อไป

พิชญา เล่าต่อว่า ปัญหาที่แท้จริงที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้เกษตรกรไทยคือ “พ่อค้าคนกลาง” เนื่องจากพ่อค้าคนกลางเป็นผู้ทำกำไรสูงสุด และเหตุที่ทำให้พ่อค้าคนกลางสร้างกำไรได้สูงกว่าเกษตรกร เป็นเพราะหลักเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า Economies of Scale หมายถึง การผลิตสินค้าในจำนวนมากพอที่ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะจะทำให้มีราคาต่อหน่วยต่ำลง

“ถ้าคนไหนมีความสามารถในการผลิตสูงกว่า เขาจะได้ผลประโยชน์สูงกว่าและมีพลังในการต่อรองราคามากกว่า” เธออธิบาย “ซึ่งนอกจากในประเทศไทย ปัญหาพ่อค้าคนกลางยังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและบราซิล เราจึงหยิบยกปัญหานี้มาเป็นตัวตั้งและอยากแก้ไขด้วยเทคโนโลยี”

ปัจจุบัน อี-คอมเมิร์ซเข้ามาเป็นกลไกในการทำธุรกิจ เธอจึงนำเครื่องมือนี้เข้ามาทำหน้าที่แทนพ่อค้าคนกลาง พิชญา กล่าวว่า เบื้องต้นมีความคิดจะทำเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ ในรูปแบบ F2C (Farmer to Consumer) คือ ระบบขายปลีกที่เกษตรกรสามารถขายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยตรง โดยเกษตรกรจะได้ราคาสูงกว่าการขายส่ง

เธอยกตัวอย่างเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ เช่น อาลีบาบา ลาซาดา ช้อปปี้ และขายดี ซึ่งตัวอย่างหลังสุดมีโมเดลธุรกิจที่ชื่อว่า ฟาร์มขายดี ให้เกษตรกรขายสินค้าโดยตรงสู่ลูกค้าและตัดปัญหาพ่อค้าคนกลาง

ฟาร์มขายดีแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ตลาดสด เปิดให้เกษตรกรขายสินค้าแบบค้าส่งแก่ผู้ประกอบการ เรียกว่า F2B (Farmer to Business) เช่น ขายสินค้าเกษตรให้ร้านอาหาร และแบบค้าปลีกเรียกว่า F2C ให้เกษตรกรขายสินค้าแก่ผู้บริโภคโดยตรง

ส่วนที่ 2 คือ ตลาดเกษตรกรรม ที่เกษตรกรจะพบกับเกษตรกร เรียกว่า F2F (Farmer to Farmer) เช่น ชาวนานำข้าวเปลือกไปขายเกษตรกรที่เลี้ยงหมูเพื่อเป็นอาหารสัตว์ และอีกรูปแบบคือ ภาคธุรกิจขายสินค้าให้กับเกษตร เรียกว่า B2F (Business to Farmer) เช่น บริษัทขายรถไถ ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยให้เกษตรกร

พิชญา หลิวจันทร์พัฒนา อี-คอมเมิร์ซช่วยเกษตรกร

“เมื่อเห็นตัวอย่างแล้วเราจึงคิดว่าโมเดลธุรกิจแบบ F2C โดยที่ไม่มีพ่อค้าคนกลางสามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้บริโภคต้องการซื้อผักก็สามารถเปิดเว็บไซต์แล้วสั่งผักจากเกษตรกรได้โดยตรง จากนั้นจะใช้ระบบขนส่งแบบเดลิเวอรี่จัดส่งทันที เพื่อให้สินค้าคงความสดใหม่เมื่อส่งถึงมือผู้บริโภค ซึ่งระบบ F2C นี้ประสบความสำเร็จมากในประเทศจีนและอินเดีย และข้อมูลจากอี-คอมเมิร์ซยังสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ได้ว่าช่วงไหนผู้บริโภคต้องการอะไร เพื่อส่งสัญญาณไปยังเกษตรกรให้ปลูกและผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค”

ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาพ่อค้าคนกลางในรูปแบบของ ออนไลน์ มาร์เก็ต เพลส จึงอาจช่วยลดอำนาจต่อรองของตัวกลางในระบบเก่า และเพิ่มความสามารถในการกำหนดราคาให้กับเกษตรกรได้

“หลายคนคิดว่าเยาวชนเป็นแค่คนที่มีอายุน้อย ประสบการณ์น้อย และยังไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศ” เธอแสดงความคิดเห็นต่อคำถามที่ว่า เยาวชนสามารถแก้ไขปัญหาสังคมและเศรษฐกิจของไทยได้อย่างไร

“แต่พวกเราคิดว่า ไม่จริง เพราะจากประสบการณ์ตัวเองและจากการเห็นตัวอย่างคนรอบข้าง จะเห็นได้ว่าเยาวชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้มาก เพราะเยาวชนเป็นคนที่มีพลัง และมีความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เร็ว ซึ่งในยุคดิจิทัลเช่นนี้การรู้ทันเทคโนโลยีและสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ จะเป็นเครื่องมืออย่างดีในการทำธุรกิจและสร้างประโยชน์ให้กับสังคม”

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้เรื่องราวบนโลกนี้ได้ผ่านข้อมูลในโลกออนไลน์ และยังมีเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถและมุมมองในการแก้ไขปัญหาสังคมและเศรษฐกิจในประเทศของตัวเอง อย่างเวทีการประชุมผู้นำเยาวชนเอเปก ที่นอกจากจะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็นแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้มุมมองของผู้นำจากทั่วโลก

“การไปเจอผู้นำในด้านต่างๆ จากทั่วโลก เช่น ได้ไปเจอกับซีอีโอบริษัทน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเมืองจีน หรือไปพูดคุยกับบริษัทความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ อย่างแรกเลยคือ ได้สร้างคอนเนกชั่นที่ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจติดต่อเขามาทำธุรกิจกับเราในประเทศไทยก็ได้ หรือการได้ฟังผู้นำประเทศอย่างสีจิ้นผิงพูดบนเวที ทำให้เราได้เห็นตัวอย่างการเป็นผู้นำประเทศว่า ถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นผู้นำจะต้องวางตัวอย่างไร รวมถึงยังเห็นทิศทางเศรษฐกิจของโลกว่ากำลังไปทางไหนด้วย”

นอกจากนี้ จากการเข้าร่วมการประชุม เธอยังได้ไอเดียนำมาปรับใช้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในเกษตรกรไทย อย่างหัวข้อบล็อกเชน จากที่คิดว่า บล็อกเชนเป็นเรื่องของระบบเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่เธอได้เรียนรู้ว่า ในประเทศอินเดียได้นำระบบบล็อกเชนไปใช้กับภาคการเกษตรเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความสะดวก

พิชญา หลิวจันทร์พัฒนา อี-คอมเมิร์ซช่วยเกษตรกร

“ไอเดียนี้ทำให้เราเห็นภาพว่า เมื่อเราเรียนจบแล้วอยากจะสร้างเศรษฐกิจแบบบล็อกเชนในระบบเกษตรกรรมและระบบอื่นๆ อย่างระบบขนส่ง และจากการเข้าประชุมทำให้เราได้ทำงานกับเยาวชนจากประเทศอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะได้คอนเนกชั่น เรายังได้ร่วมกันร่างปฏิญญาเยาวชน (Youth Declaration) ซึ่งการทำงานร่วมกับเยาวชนอีก 13 เขตเศรษฐกิจ ย่อมมีความคิดเห็นที่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้องกล้าที่จะแสดงเหตุผลของตัวเองเพื่อให้ความคิดเห็นของไทยถูกคัดเลือก”

สำหรับความสำคัญของเวทีการประชุมผู้นำเยาวชนเอเปก เธอมองว่า เป็นเวทีที่สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างร่างปฏิญญาเยาวชนที่ตัวแทนเยาวชนมีข้อเสนอต่อผู้นำโลก มีเนื้อหาโดยสรุป 4 หัวข้อ ได้แก่ หนึ่ง ผู้แทนเยาวชนเรียกร้องให้ผู้นำตระหนักถึงความเห็นของเยาวชนซึ่งจะเติบโตเป็นผู้นำในอนาคต สอง ผู้แทนเยาวชนเสนอให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งจัดหาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับเยาวชนอย่างทั่วถึงในทุกเขตเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานที่เท่าเทียมกันให้เยาวชนได้เรียนรู้และเติบโต และควรสร้างโอกาสให้กับผู้สร้างนวัตกรรมและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในแง่ของแหล่งเงินทุน

สาม ผู้แทนเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญในประเด็นสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทุกสมาชิกเขตเศรษฐกิจควรช่วยกันต่อสู้กับปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาพลังงานสิ้นเปลือง และสี่ ผู้แทนเยาวชนเน้นถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบการศึกษาในเขตเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนา จึงควรส่งเสริมทักษะและความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง

“ถ้าถามถึงความหวังหลังเข้าร่วมการประชุมผู้นำเยาวชนเอเปก” พิชญาทวนคำถาม “เรามีคาดหวังสองรูปแบบ อย่างแรกคือความคาดหวังในตัวเองว่าจะมีแพสชั่นและมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน ซึ่งหลังจากได้นำเสนอบนเวทีแล้วพวกเราเชื่อจริงๆ ว่าพลังเยาวชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาระดับประเทศได้ และอย่างที่สอง คือ ความคาดหวังให้แบงก์ชาติหรือธนาคารต่างๆ ให้ความรู้เรื่องอี-คอมเมิร์ซแก่คนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกษตรกรไทย เพื่อสร้างความเข้าใจและช่วยให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีได้เพื่อประโยชน์กับอาชีพของตัวเอง”

ปัจจุบันพิชญามีอายุ 20 ปี ได้รับทุนการศึกษาไปศึกษาระดับปริญญาตรีที่ มหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฮ่องกง (Hong Kong University of Science and Technology) เหตุที่เธอถูกคัดเลือกเป็นผู้แทนเยาวชนไทย เพราะเคยเป็นนักศึกษาฝึกงานของ บล.ภัทร จึงมีโอกาสแสดงศักยภาพจนได้รับคัดเลือก ซึ่งการเป็นผู้แทนเยาวชนไทยไปนำเสนอทางออกของปัญหาสังคมและเศรษฐกิจแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นๆ นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน ผู้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

ข่าวล่าสุด

"ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์"จากนักวิชาการสู่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย