คันธารราฐอยู่ที่หยุนหนาน
เรื่องนี้จะเขียนนานแล้วไม่มีโอกาสสักที คือผมสงสัยว่าแนวคิดเรื่องพระคันธารราฐในไทย อาจไม่เกี่ยวกับอาณาจักรและศิลปะคันธาระที่เอเชียกลางเลย
เรื่อง...กรกิจ ดิษฐาน
เรื่องนี้จะเขียนนานแล้วไม่มีโอกาสสักที คือผมสงสัยว่าแนวคิดเรื่องพระคันธารราฐในไทย อาจไม่เกี่ยวกับอาณาจักรและศิลปะคันธาระที่เอเชียกลางเลย เพราะตามรูปแบบของพระพุทธคันธารราฐ มักสร้างพระพุทธรูปที่มีริ้วจีวรแบบจีน ทรวดทรงและหน้าตาล้วนแต่ออกจีน ไปดูพระคันธารราฐยุคไหนวัดไหนออกจีนหมด
ตัวอย่าง เช่น พระคันธารราฐที่วัดเบญจมบพิตร ตามภาพ ทำขยายจากแบบที่วัดใหญ่ เมืองเพชร น่าจะสมัยอยุธยา หน้าตาเป็นไทย มุทราอย่างจีน ห่มจีวรอย่างจีน รัดประคดก็เงื่อนจีน ไม่ได้เป็นฝรั่งอย่างที่เอเชียกลางเลย
ทำให้น่าสงสัยว่า “คันธารราฐ” น่าจะหมายถึงหยุนหนาน
ในภาษาจีน มณฑลหยุนหนาน/ต้าหลี่ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เมี่ยวเซียงกั๋ว (妙香國) แปลว่า ประเทศหอมอัศจรรย์ บางครั้งเรียกว่า เมี่ยวเซียงต้ากั๋ว (妙香大國) ตรงกับชื่อ คันธาระ ที่แปลว่าหอมหวน ส่วนเมืองคุนหมิงมีชื่อว่า ทัวตง (陀東) หมายถึง (กาน) ทัว (หลัว) ตะวันออก หรือคันธาระตะวันออก
คาดว่าหยุนหนานรับขนบแบบสุวรรณภูมิ คือ ตั้งชื่อเลียนแบบแว่นแคว้นในอินเดีย ปรากฏว่าชื่อ คันธาระ หรือมหาคันธาระ ในหยุนหนานใช้เรียกกันในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง เป็นยุคที่พระพุทธศาสนารุ่งเรือง หนังสือจีนบางเล่มให้เหตุผลว่า ที่เรียกหยุนหนานว่า คันธาระ เพราะผู้คนศรัทธาพระพุทธศาสนา
อนึ่ง คันธาระที่อัฟกานิสถานนับถือพระพุทธศาสนาหีนยาน ภาษาสันสกฤต คือสรวาสติวาท แต่ที่หยุนหนานนับถือตันตระจากเบงกอล คติไทยที่ถือว่าพระคันธารราฐมีฤทธิ์เรียกฝน ไม่แน่ว่าจะเกี่ยวกับขนบตันตระจากคันธาระเมืองจีน
พุทธตันตระหรือวัชรยานในหยุนหนาน ผสมผสานวัชรยานแบบต้าถัง-ทิเบต-เบงกอล เรียกว่าพระพุทธศาสนาแบบอาจารี (阿吒力) แปลว่า นิกายของอาจารย์ผู้สอนพุทธตันตระ
มณฑลหยุนหนาน ในสมัยน่านจ้าวและต้าหลี่รุ่งเรืองด้วยพุทธตันตระ แต่หลักฐานหลงเหลืออยู่ในรูปตำรับตำราน้อยมาก จนกระทั่งถึงปี 1956 จึงมีการค้นพบลังใส่คัมภีร์พุทธตันตระแบบน่านจ้าวถึง 3,000 ม้วน ที่วัดฝ่าจั้งแห่งต้าหลี่ ถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญยิ่ง เพราะเอกสารด้านพระพุทธศาสนาของน่านจ้าว-ต้าหลี่ หายากมากและเกือบถูกทำลายหลายครั้งด้วยไฟสงครามและการรุกราน ทั้งการรุกรานของทัพฮั่นและทัพมุสลิม วัดฝ่าจั้งแห่งต้าหลี่ จึงได้รับฉายาว่า “ตุนหวงแห่งภาคใต้”
คัมภีร์เหล่านี้เขียนด้วยอักษรจีน บางคัมภีร์ปรากฏอยู่แต่ในน่านจ้าวเท่านั้น ปัจจุบันคัมภีร์เหล่านี้เก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุหยุนหนานบ้างและที่ปักกิ่งบ้าง
วัดฝ่าจั้งแห่งต้าหลี่นั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยหงอู่ปีที่ 25 หรือ ค.ศ. 1392 แห่งราชวงศ์หมิง สืบทอดพระพุทธศาสนาแบบตันตระสายน่านจ้าว ซึ่งเฟื่องฟูในมณฑลหยุนหนาน ผู้สืบทอดคนสำคัญ คือ ท่านต่งเสียน มีสถานะเป็นพระธรรมาจารย์อาจารี (阿吒力大法师) เป็นรุ่นที่ 40 แห่งนิกายอาจารีน่านจ้าว ท่านได้รับการเคารพยกย่องจากฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงหลายท่าน ได้รับอาราธนาไปยังปักกิ่ง เพื่อประกอบพิธีพุทธตันตระถึง 3 ครั้ง ได้รับการยกย่องให้เป็นพระราชครู (国师) ด้วยความที่วัดนี้เป็นศูนย์กลางนิกายอาจารี จึงมีคลังพระสูตรคัมภีร์มากมาย
ผมคาดว่าตันตระในล้านนาและพม่าก็น่าจะได้มาจากน่านจ้าวไม่มากก็น้อย พระพุทธศาสนาในล้านนานั้นยังมีขนบตันตระที่แตกต่างจากตันตระภาคกลางพอสมควร และไม่แน่ว่าลัทธิพระคันธารราฐจะได้รับจากหยุนหนาน มาถึงล้านนา ส่งมาถึงภาคกลาง และอาจเกี่ยวโยงถึงพม่าด้วย
ได้ยินมาว่า พม่าเรียกหยุนหนานว่า คันธารราฐ ประตูวังหลวงที่มัณฑะเลย์ประตูหนึ่งมีชื่อว่าประตูคันธารราฐ หันออกไปยังเส้นทางมุ่งไปยังหยุนหนาน แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ
มณฑลหยุนหนาน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงมาก มีชนชาติถึง 26 กลุ่ม จากทั้งหมด 56 กลุ่มทั้งประเทศจีน ผมเชื่อว่าหยุนหนานเป็นดินแดนเดียวในจีนที่มีพระพุทธศาสนา 3 ฝ่ายอยู่ครบถ้วน และสืบทอดมาเป็นพันปีไม่ขาดสาย โดยชนเผ่าไท/ไตและว้านับถือเถรวาท ชาวฮั่นนับถือมหายาน และชาวไป๋และทิเบตนับถือตันตระยาน ชาวไป๋นี่เองที่เชื่อกันว่าเป็นอนุชนของชาวอาณาจักรน่านจ้าว-ต้าหลี่
ในตำนานพระเจ้าเลียบโลก เรียกหยุนหนานว่า เมืองวิเทหะ ตำนานเล่าว่า เมื่อเสด็จไปยังเมืองอุตรปัญจนคร (แสนหวี) อันเป็นเมืองที่พระองค์ได้เคยเสวยพระชาติเป็นมโหสถบัณฑิตแล้ว ได้เสด็จยังเมืองวิเทหะ (หนองแส) ครั้งนั้นพระยาวิเทหะยินดีเป็นยิ่งนัก แต่ไม่ทันได้คิด จึง “กระทำการอันประมาท” คือนำอาหารและคิลานปัจจัยใส่ถาดทองคำวางบนหลังช้างเพื่อนำไปถวายพระพุทธองค์ เรื่องนี้ดูเผินๆ เหมือนพระวิเทหะจะยกย่องพระพุทธเจ้า แต่จริงๆ แล้วน่าจะมีนัยอื่นๆ จึงทำให้การกุศลมีผลเป็นอย่างอื่น และทำให้พระพุทธองค์ทรงทำนายว่าเมืองนี้ต่อไปจะไม่มีช้างอีก
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่าที่เมืองวิเทหะนี้พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองมาก และจะเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวป้าง หรือฟันเขี้ยวที่อยู่ถัดจากฟันกรามออกมา ตำนานพระเจ้าเลียบโลกว่าด้วยพระเขี้ยวป้างที่วิเทหะ ดูเหมือนจะสอดคล้องกับตำนานท้องถิ่นของหยุนหนาน ที่เล่าว่า ในยุคอาณาจักรน่านจ้าว น่านจ้าวได้กรีฑาทัพไปรุกรานพุกาม และได้เชิญพระเขี้ยวป้างจากพุกามมายังหยุนหนาน พระเขี้ยวป้างองค์นี้กล่าวกันว่ามาจากลังกาเป็นปฐม


