ย้อนเปิดความสุข โคโนสุเกะ มัตสุชิตะ เรียนรู้อดีตสู่อนาคต
ถือว่าเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นเบอร์อันดับต้นๆ ที่มีอายุยืนยาวครบ 100 ปี ในเดือน มี.ค. 2561
โดย โชคชัย สีนิลแท้
ถือว่าเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นเบอร์อันดับต้นๆ ที่มีอายุยืนยาวครบ 100 ปี ในเดือน มี.ค. 2561 ที่ก่อตั้งโดย โคโนสุเกะ มัตสุชิตะ (Konosuke Matsushita) ประธานผู้ก่อตั้งคนแรกที่สร้างตำนานพานาโซนิคให้เกิดขึ้นในโลกของเทคโนโลยี
ตำนานเริ่มต้นก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเริ่มธุรกิจในเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2461 ที่เชื่อว่าหลายๆ คนในรุ่นก่อน อาจจะรู้จักในแบรนด์เนชั่นแนล (National) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์พานาโซนิค ซึ่งทุกวันนี้ไม่จำกัดอยู่เฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คน
จากปณิธานเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจ คือการทำงานที่ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ผลิตสินค้า แต่จะต้องพัฒนาและสร้างสรรค์คนในสังคมเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้เริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พานาโซนิค เพื่อให้เป็นสถานที่เรียนรู้ทุกคน เพื่อให้ทราบถึงอดีต การปรับตัวรับมือกับการแข่งขัน และการขยายธุรกิจในหลากหลายที่หาพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก เพราะหากจะเป็นสินค้าชั้นนำต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และสิ่งที่สำคัญผลกำไรที่ได้ส่วนหนึ่งต้องตอบแทนกลับคืนสู่สังคม
พิพิธภัณฑ์พานาโซนิคอยู่บริเวณใจกลางโอซากา โดยเป็นบริเวณสำนักงานใหญ่อาคารที่ 3 ทุกอย่างถูกเก็บไว้คงสภาพเดิม ไม่ว่าจะเป็นต้นสน ต้นไม้ต้นแรกที่ปลูกเมื่อ 85 ปีก่อน ซึ่งพิพิธภัณฑ์เดิมได้เปิดมาเมื่อ 50 ปีก่อน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ปรัชญาการบริหารของผู้ก่อตั้ง และได้ปิดปรับปรุงเมื่อเดือน ต.ค. 2560 ก่อนที่จะเปิดตัวใหม่ให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ วันที่ 9 มี.ค. 2561 มีเนื้อที่อาคารกว่า 1,400 ตารางเมตร
ตัวสถาปัตยกรรมของอาคารนั้นคงรูปแบบเดิมไว้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรก รวมไปถึงห้องฝึกอบรมพนักงานตั้งแต่เริ่มต้น พิพิธภัณฑ์แสดงให้เห็นถึงเส้นทางชีวิตของผู้ก่อตั้งตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงการสร้างธุรกิจ
โคโนสุเกะ มัตสุชิตะ เกิดเมื่อปี 2437 จากลูกชาวนาที่วาคายามา ทางตอนใต้ของเมืองโอซากา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ผู้เข้าชมสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น LinkRay เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเข้าชม โดยมีภาษาให้เลือก 9 ภาษา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีภาษาไทยด้วย
พิพิธภัณฑ์ใหม่แห่งนี้สะท้อนอดีตที่ธุรกิจเริ่มต้นจากการเรียนรู้ผลิตขั้วหลอดไฟในรถจักรยาน ที่ช่วงเริ่มต้นใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ ชีวิตต้องผ่านช่วงเวลาของความยากลำบาก ทำให้การเข้าชมพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องสนุก
เมื่อปี 2460 มีการขยายไลน์การผลิตแผ่นฉนวนกันไฟในพัดลม ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากกว่า 1,000 ชิ้น ถือว่าเริ่มที่จะประสบความสำเร็จครั้งแรก ซึ่งเขาเริ่มต้นธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อตอนอายุ 23 ปี จากการปรับปรุงปลั๊กไฟ ถือเป็นช่วงยุคเริ่มต้นของการใช้ไฟฟ้าในญี่ปุ่น
หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาหลอดไฟที่ใช้แบตเตอรี่รถจักรยาน ที่สามารถดึงออกมาใช้เป็นไฟฉายได้ ซึ่งในอดีตช่วงเวลา 30-40 ปี กว่าจะพัฒนาสินค้าออกมาได้ผลิตภัณฑ์หนึ่งใช้ระยะเวลานาน โดยมีแรงบันดาลใจที่ต้องการผลิตสินค้าให้เป็นสินค้าแมสที่
ทุกคนใช้ได้ จากนั้นได้เริ่มผลิตเครื่องทำความร้อนหรือฮีตเตอร์จนมาถึงการผลิตวิทยุ
ทั้งนี้ ขั้นตอนการผลิตสินค้าในสมัยโบราณนั้น ทุกขั้นตอนถือว่าเป็นความลับ โดยเฉพาะการผลิตสินค้าต้นแบบ เพราะต้องใช้วัสดุหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทองแดง คาร์บอน มารวมกันขึ้นชิ้นงานและปั๊มขึ้นรูป ซึ่งแสดงให้เห็นเป็นแบบหุ่นจำลองในการทำงานตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นการกวนสินค้า การนวด และขึ้นรูปสินค้า
สิ่งสำคัญของการจัดทำพิพิธภัณฑ์แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าบริษัทจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน การทำธุรกิจต้องเป็นพ่อค้าที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำตัวให้ง่ายถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเขาได้ผ่านช่วงที่ธุรกิจซบเซา จึงทำให้เขาค้นพบสัจธรรมหนึ่ง คือต้องส่งต่อความคิด จากความสงบสุขภายในชีวิตสู่ความเจริญรุ่งเรือง
เขาพยายามทำให้สังคมได้เข้าใจ ถือว่าเป็นคนที่มีปรัชญาการดำเนินธุรกิจสูงมาก แสดงให้เห็นผ่านงานพิมพ์หนังสือธุรกิจหลายเล่ม
พิพิธภัณฑ์ยังรวบรวมของมูลในช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 5 ปี ต้องกลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจใหม่ โดยกลับไปเริ่มต้นดำเนินธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้ไกลออกไปนอกประเทศ ไม่ได้อยู่แค่ที่ญี่ปุ่นหรือในประเทศ
เพราะในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเจริญกว่าญี่ปุ่น ซึ่งต้องออกไปทำธุรกิจในประเทศนั้น และมีความเชื่อว่าถ้าสินค้ามีคุณสมบัติที่ดีและสวยงามก็สามารถที่จะเรียกราคาเพิ่มสูงขึ้นได้ และลูกค้าก็สามารถยอมที่จะซื้อ แม้ว่าราคาจะปรับสูงขึ้น แต่สิ่งสำคัญการพัฒนาสินค้าขึ้นมาจะต้องทำให้สังคมเจริญรุ่งเรืองด้วย เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องยึดมั่น
เขาจึงพยายามผลักดันให้เกิดสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจึงได้มีการพัฒนาสินค้าร่วมกันกับบริษัท ฟิลิปส์ ในปี 2495 และได้ขยายธุรกิจเครื่องเสียง ก่อนที่จะขยายไปสู่การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ซึ่งในยุคนั้นเรียกว่าจะต้องมี 3 C คือ Car หรือรถยนต์ Cooler สินค้าเกี่ยวกับความเย็น และ Color TV หรือโทรทัศน์สี
การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อปี 2507 ธุรกิจในญี่ปุ่นประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาสำคัญที่บริษัทพบคือ สามารถทำกำไรได้ แต่ตัวแทนจำหน่ายกลับประสบปัญหาทำกำไรไม่ได้ โคโนสุเกะ เห็นว่ามีการผิดพลาดในการบริหาร มีการประชุมร่วมกัน 3 วัน 3 คืน เพื่อระดมสมองแก้ปัญหาและเกิดความร่วมมือเพื่อให้สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น
ผู้ก่อตั้งยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น จนต้องมีการแก้ปัญหาด้านการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายใหม่ในแต่ละภูมิภาค เป็นหลักการทำงานคู่ค้าเพื่อให้ธุรกิจเจริญร่วมกัน เพราะถ้าไม่มีการตัดสินใจร่วมกันก็จะเกิดผลกระทบกับธุรกิจไฟฟ้าในญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามวิกฤตในยุคนั้น เป็นช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในการทำงานพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการผู้นำก่อนจะเสียชีวิตไปในวัย 94 ปี ภายในอาคารยังจัดแสดงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านประมาณ 150 เครื่องตามประเภท โดยผู้เข้าชมสามารถติดตามประวัติการโฆษณาของบริษัท
นอกจากนี้ ยังมีงานศิลปะสมัยใหม่ รวมไปถึงการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 100 ปี และยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาในอนาคต 


