อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดประตูดูความสนุกของประวัติศาสตร์
พอเปิดผ่านๆ อาจนึกว่าหนังสือเรื่อง ผจญไทยในแดนเทศ เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมดา
โดย กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
พอเปิดผ่านๆ อาจนึกว่าหนังสือเรื่อง ผจญไทยในแดนเทศ เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมดา แต่เมื่ออ่านหน้าแรกก็รู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นหนังสือที่วางไม่ลง
อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ คือ ผู้ที่จะพาทุกคนเปิดประตูไปทักทายคนไทยในประวัติศาสตร์โลก ทั้งเหตุการณ์เรือไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอตแลนติก หรือเหตุการณ์เรือญี่ปุ่นถูกเรือรบเยอรมนียิงตอร์ปิโดใส่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเรื่องราวทั้งหมดเป็นการหยิบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนรวบรวมไว้มากกว่า 10 ปี มาเขียนในสำนวนภาษาที่สนุก แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ก็ยังอ่านง่าย อ่านสนุก และน่าจดจำ
อาชญาสิทธิ์เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือสารพัดประเภท ทำให้เขาไปสะดุดกับเรื่องแปลกที่น่าสนใจว่า มีคนไทยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลกหลายครั้งหลายหน อย่างเรื่องไททานิกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้
“ผมเคยดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วคิดเล่นๆ ว่าจะมีคนไทยอยู่ด้วยหรือเปล่า เพราะคำถามนี้ทำให้เราไม่ละทิ้งการตาม และเหมือนกับมีโชค ผมได้ไปเจอข้อมูลที่บันทึกโดยคนไทยกล่าวถึงเรือลำหนึ่งที่ล่มกลางมหาสมุทรซึ่งนั่นคือเรือไททานิกที่ตามหา โดยผมใช้เวลามากกว่า 10 ปีกว่าจะค้นเจอเรื่องนี้ และอีกหลายเรื่องในหนังสือเล่มนี้ที่ผมไม่สามารถเขียนขึ้นในระยะเวลาอันสั้นได้แน่นอน”
หนุ่มสุราษฎร์ธานีเผยด้วยว่า คลังข้อมูลที่ใช้ คือ สมุดบันทึกนับร้อยเล่มที่จดบันทึกด้วยลายมือ จากการอ่านพบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและสิ่งที่น่าสนใจในหนังสือ รวมถึงเอกสารที่เก็บรวบรวมไว้อีกนับไม่ถ้วน และศึกษาเพิ่มเติมในบางจุดที่ยังไม่ชัดเจน
“พอพบเรื่องไททานิกแล้ว ผมก็เริ่มคิดเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เคยค้นคว้ามาว่า มีหน้าประวัติศาสตร์ไหนอีกบ้างที่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเวลาผมจำอะไรผมจะจำเป็นภาพยนตร์ พอมีสิ่งที่มาสะกิด ผมจะคิดเป็นภาพขึ้นมาว่าเคยอ่านอะไรไปบ้างแล้วเหมือนกับว่าสมองมันจัดกลุ่มให้เอง จากนั้นผมก็จะกลับไปเปิดสมุดบันทึก ฉีกหน้านั้นออกมาจัดหมวดหมู่ และเริ่มเล่าในภาษาของตัวเอง” เขาไม่ยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะ
“หลายเรื่องที่หลักฐานเล่าไม่สนุก แต่พออาศัยสำนวนภาษาวรรณกรรมโดยไม่บิดเบือนความจริง เพื่อให้คนอ่านคล้อยตามได้ นึกภาพได้ ก็จะทำให้ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่เล่าสนุกและอ่านง่ายขึ้น”
แน่นอนว่าหนังสือที่เจ้าของสำเนียงทองแดงชอบอ่านคือ ประวัติศาสตร์ “เพราะหัวใจของประวัติศาสตร์คือ การหาหลักฐาน” เขากล่าว ดังนั้นทุกเรื่องย่อมมีประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ย่อมเกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง แม้ตำราแพทย์ก็สามารถมองในเชิงประวัติศาสตร์ถึงที่มาที่ไปของโรคได้
“หลายคนบอกว่าหนังสือเล่มนี้ใช้สำนวนสวิง ซึ่งผมคิดว่าสำนวนภาษามันสะท้อนช่วงอารมณ์และอายุของคนเขียน เมื่อตอนเด็กๆ เราอาจเขียนด้วยสำนวนภาษาเรียบร้อย แต่เมื่อโตขึ้นเรารักสนุกมากขึ้น สำนวนภาษามันเลยมีความสนุกเหมือนกับเราในตอนนี้ แต่สิ่งสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือ ต้องเคารพความจริง ความคิดบางอย่างของตัวละครที่เราไม่เห็นด้วย เราก็ไปเปลี่ยนไม่ได้ เหมือนผมเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ ผิดกับวรรณกรรมที่ผมเป็นคนรับบทเองจะคิดจะแสดงอย่างไรก็ได้”
ก่อนหน้านี้อาชญาสิทธิ์เคยเขียนวรรณกรรม เรื่องสั้น และบทกวีมาแล้วหลายชิ้น แต่สำหรับเรื่องผจญไทยในแดนเทศ เป็นงานเขียนประเภทไม่ใช่เรื่องแต่งที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี จนมีคนแนะนำกันปากต่อปากว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่อ่านแล้วตื่น!
“ผมไม่ได้ดีใจที่ผมได้รับความสนใจ แต่ผมดีใจว่าความรู้พวกนี้ที่ไม่เคยคาดนึกเลยว่าคนรุ่นใหม่จะสนใจกลับได้รับความสนใจ เพราะเมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์คนรุ่นใหม่ก็จะรู้สึกว่ามันไม่น่าสนุก แต่หนังสือเล่มนี้สามารถทำให้คนอ่านสนุกไปกับเรื่องสนุกที่ผมค้นเจอมา” เขากล่าวทิ้งท้าย
เชิญร่วมพิสูจน์ว่าประวัติศาสตร์จะสนุกหรือไม่ผ่านปลายปากกาของยอดนักอ่าน นักจดบันทึก และนักเขียนที่ย่อโลกไว้ในหนังสือเล่มเดียวกับชีวิตคนไทยที่ไปเกี่ยวข้องแต่แทบไม่มีใครล่วงรู้ จนกระทั่งเขาได้เปิดประตูบานนี้


