กรกต ศรีดี วันนี้ ‘ดีเป็นบ้า!’
ขม-กรกต ศรีดี ในวัย 33 ปี เจ้าของนัมเบอร์ วัน แกลเลอรี่ (Number 1 Gallery)
โดย...มัลลิกา นามสง่า ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
ขม-กรกต ศรีดี ในวัย 33 ปี เจ้าของนัมเบอร์ วัน แกลเลอรี่ (Number 1 Gallery) ตั้งอยู่ใจกลางสีลม กรุงเทพมหานคร และเป็นดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! (Crazily Good ดีเป็นบ้า!)
ก่อนหน้านี้ เธอยังเขินอายหากใครบอกว่าเธอเป็นดีไซเนอร์ แม้จะออกแบบเสื้อผ้าเอง เลือกเฟ้นวัสดุเอง เพราะเธอประเมินตัวเองเป็นเพียงคนขายเสื้อผ้า ที่ทำเสื้อผ้าสวยออกมาขาย แบบไหนขายดีก็ยิ่งทำ ทว่าวันนี้เธอยอมรับในบทบาทดีไซเนอร์และภูมิใจที่พาตัวเองมาสู่จุดนี้
องค์ประกอบศิลป์บนเสื้อผ้า
กรกตกำลังศึกษาระดับปริญญาโทด้านแฟชั่นดีไซน์ คณะนฤมิตศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“มี 2 สิ่งที่เราชอบ คือ อาร์ตกับแฟชั่นดีไซน์ สาเหตุที่ไปเรียน ขมทำแบรนด์เสื้อผ้าปีนี้เข้าปีที่ 4 แฟชั่นมันวนเป็นกระแส แล้วยุคนี้แฟชั่นมาเร็วไปเร็วมาก แล้วเราจะอยู่กับสิ่งที่เราชอบยังไง
สรุปได้คืออยากจะสร้างแบรนด์ เสื้อผ้าเราขายได้แล้ว แต่มันจะอยู่ต่อไปยังไงในปีที่ 5 ปีที่ 6 มันจะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ที่คนจำนวนมากรู้จักได้ยังไง ก็เลยไปหาคำตอบ
ที่ผ่านมาทำเสื้อผ้าสวยขายได้ยังไม่ใช่คำตอบ ตอนนี้รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก นี่ขนาดเพิ่งเรียนปี 1 เนื้อหาที่เรียนเหมือนสิ่งที่เราตามหา รู้สึกว่าเราจะพาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จได้จริง
ก่อนมาเรียนมีหน้าร้านที่จตุจักร มีกลุ่มลูกค้าประจำเป็นชาวจีน ร้านอื่นๆ ที่รู้จักทยอยปิดเพราะอยู่กันไม่ไหว เราก็บอกอย่าปิดเลย คิดไปเองว่าจะดีขึ้น คาดคะเนไปเองทุกอย่าง เรายังไม่มีโนว์เลจในการจะเป็นดีไซเนอร์เลย
อไปเรียนเปิดทัศนคติที่ไม่รู้ ถ้าอยากไปต่อเราต้องถอยก่อน มาปรับปรุง พัฒนาทั้งตัวสินค้า ช่องทางการขาย โลกไปไวเราก็ต้องไปให้พร้อมกัน แต่งานเราเป็นงานดีไซน์มีไทมิ่ง ลูกค้ามาเจอเราแค่เสาร์อาทิตย์แล้วต้องการสินค้าเลยบางทีเราก็ให้ไม่ได้ พอเราเร่งงานทีมงานก็ล้าไปหมด
เราเลยปรับอย่างแรกปิดหน้าร้านที่จตุจักร พอเราลดค่าเช่าก็เอามาพัฒนาเรื่องโซเชียล ทำแอดเวอร์ไทซิ่ง เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ เราสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ยิ่งตอนนี้เขาไม่บินมาซื้อเองแล้ว”
ตอนนี้หน้าร้านมีที่เดียว คือ ชั้น 2 นัมเบอร์ วัน แกลเลอรี่ สีลม 21 และอีกโอกาสของการแจ้งเกิดของ เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! คือการได้ไปอวดโฉมที่จีน ใน Guangzhou Fashion Week เมื่อปลายปี 2560
“มีอย่างหนึ่งเป็นแพสชั่นในการทำงาน คือ ไม่ยอมปฏิเสธโอกาส แต่ไม่ยอมให้เราป่วยนะ ต้องรักษาสุขภาพ ทำที่เราไหว
เขาจะเอาของที่เรามีนั้นแหละไป แต่เราเลือกทำใหม่ สอบถามมีแบรนด์ไหนไปบ้าง ศึกษาว่าแต่ละแบรนด์มีแนวทางยังไง เพื่อที่จะไม่ให้ชนกัน ตอนนั้นมีเวลา 1 เดือน
ความฝันของคนทำแบรนด์เสื้อผ้า คือ อยากมีรันเวย์ ซึ่งถ้าทำเองคงลงทุนสูงมาก หรืออาจจะแก่มากแล้ว งานนี้จึงเป็นโอกาสของเรา ก่อนไปคิดว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของเวที แต่ไปถึงเขาให้เกียรติเรามาก และดีใจที่เรียนแฟชั่นดีไซน์ เมื่อก่อนเราทำเสื้อผ้าสะเปะ
สะปะ อะไรขายได้ทำหมด ไม่มีคำว่าคอลเลกชั่น พอเรียนทำให้รู้ว่าทำไมต้องมีสตอรี่ คือ ทำให้งานของเราน่าสนใจและสตรองที่สุดในรันเวย์
คอลเลกชั่นนั้นเขาดีใจที่เชิญเราและเราตั้งใจทำ คอนเซ็ปต์งานตอนนั้นขมคิดถึงบ้านเมืองเราอยู่ในยุคของทหาร แต่เราไม่ได้มองในทางลบ เราหยิบสัญลักษณ์มาใช้รวมกับจุดกำเนิดของแบรนด์ คือ การนำยีนส์เก่ามาปักเลื่อม ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของเรา แล้วอยากให้คนรู้สึก เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! เราจะเติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงเฟมินิสต์ มีความเป็นผู้หญิงในเมือง มีความมั่นใจ”
เวลาเป็นสิ่งมีค่าและราคาแพง
กรกตเลือกเสื้อผ้ามือสองด้วยตัวเอง รวมถึงวัสดุตกแต่ง และนำงานไปกระจายให้กลุ่มแม่บ้านที่ สามพราน จ. นครปฐม ซึ่งเธอได้ลงไปสอนวิธีการทำให้กลุ่มแม่บ้าน จนก่อเกิดรายได้เพิ่มขึ้นนอกจากการทำเกษตรกรรมตามวิถีเดิม
“ตอนนี้มี 4 กลุ่ม กลุ่มเย็บมือกับเย็บจักร เราเอาองค์ความรู้ไปให้ กำหนดลาย เลื่อมใช้แบบนี้ ไม่พรินต์แบบที่เราวาดไปให้ จะมองก่อนว่าเขาคิดแบบไหน แล้วเรามากำหนดให้ง่ายที่สุด ต้องทำอะไรแบบไหนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน งานผิดมันเสียเวลา ต่อให้งานผิดเราก็จ่ายเงินให้นะคะ เพราะเขาใช้เวลาทำงานให้เราแล้ว เป็นสิ่งที่ขมสอนพนักงานตลอดว่า เป็นสิ่งที่มีค่าและราคาแพงที่สุด และบอกเด็กเสมอว่า การสื่อสารสำคัญมาก”
ในช่วงแรกงานของกรกตเป็นงานปัก ตอนนี้มีเพิ่มงานเพนต์ลงบนเสื้อผ้า “เรามองหางานที่หลากหลาย แล้วจุดประกายความคิดจากผู้ใหญ่ คุณสมชัย ส่งวัฒนา ท่านบอกว่าขมโชคดีนะรู้จักศิลปินดีๆ ไม่หยิบข้อได้เปรียบตรงนี้มาใช้ ซึ่งเป็นคำพูดสั้นๆ แต่มันทลายความคิดของเราที่ไม่กล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ ก็เลยลองทำดู
เลือกศิลปินที่ไม่ดังมาก ไม่อย่างนั้นมูลค่าจะสูงไป แล้วเราใช้ศิลปินหลายคน เพื่อให้งานหลากหลาย เพราะทีแปรงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างขมออกแบบไปแล้ว แต่ยังไงงานก็ออกมาไม่เหมือน ซึ่งก็มองว่าเป็นความน่าสนใจอีกแบบหนึ่ง แบบเปลี่ยนไปตามความสุนทรีของศิลปิน”
ทุกคนคืองานศิลปะชิ้นเอก
เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! นำมาจากชื่อนิทรรศการศิลปะของ สุธี คุณาวิชยานนท์ เป็นงานแนวอินสตอลเลชั่น ว่าถึงการเมือง
“ตอนนั่งเขียนข่าวพีอาร์นิทรรศการ รู้สึกสะดุดกับคำนี้ มันดียังไง เลิศเลอเพอร์เฟกต์ถึงขั้นเป็นบ้า แล้วคำว่าดี กับบ้ามันตรงข้ามกัน ดีเป็นบ้าคำพูดนี้มีความเป็นไทยด้วย
ขมทำงานอาร์ต อยู่นอกกรอบตลอด พอมาทำเสื้อผ้าเราไม่มีกฎเกณฑ์ เราสนใจอะไรจับใส่ไปเลย ขออะไรก็ได้ที่แปลกใหม่ งานสนุกสนาน ไม่มีข้อแม้
สิ่งที่ขมทำมันคือศิลปะที่สวมใส่ในชีวิตประจำวันและบ่งบอกตัวตนของเราคนทำ ในมุมมองขมคาแรกเตอร์ของ เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! เป็นผู้หญิงมีความมั่นใจ คล่องแคล่ว สนุกสนาน ชอบปาร์ตี้ อยู่ในสังคมเมือง
พอเราเข้าใจศิลปะเราจะมองว่าทุกคนมีศิลปะในตัวเอง มีคาแรกเตอร์ที่เขาเลือกด้วยตัวเอง เขาอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวแต่ทุกสิ่งที่เขาเลือกสวมใส่บนตัวเองมันคือศิลปะ แล้วมันคือความสวยงามหมดอยู่ที่ว่าจะพรีเซนต์มันออกมายังไง
สำหรับขมการแต่งตัว ไม่ใช่แค่เรื่องของเสื้อผ้า แต่ดีเทลทุกอย่างมันบ่งบอกความเป็นตัวตน ลักษณะพิเศษของคนนั้นๆ”
สุดท้ายกรกตภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ไทย “ตอนนี้ขมเข้าใจแล้วว่าการดีไซน์จริงๆ มันดีไซน์เพื่ออะไร ได้เห็นอะไรหลายอย่างชัดขึ้น และตัวตนที่เราเป็นอยู่ปลายทางคืออยากจะทำ เครซิลี กู๊ด ดีเป็นบ้า! ให้เป็นที่รู้จัก ไม่ต้องอยู่ท็อป หรือป๊อปปูลาร์ แต่ให้เป็นแบรนด์ไทย ดีไซเนอร์ไทย มีคนพูดถึง มีความภูมิใจในฝีมือของแรงงานไทย เสื้อผ้าของเรามีความชัดเจนไม่ใช่แค่เสื้อสวยแล้วจบ”


