พระเทพวิริยาภรณ์ รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ชีวิตนี้มีแต่ให้
ท่านมีหลักการทำงานโดยถือคติโบราณว่า ฆ่าควายไม่เสียดายเกลือ เมื่อถึงคราวเสียต้องเสีย กล้าได้กล้าเสีย แม้ว่าท่านจะได้การยอมรับว่าเป็นพระผู้ให้และมีเมตตา แต่ท่านปฏิบัติในหลักการที่ว่า เมตตาต้องให้พอดี อย่าให้เกินประมาณ....
ท่านมีหลักการทำงานโดยถือคติโบราณว่า ฆ่าควายไม่เสียดายเกลือ เมื่อถึงคราวเสียต้องเสีย กล้าได้กล้าเสีย แม้ว่าท่านจะได้การยอมรับว่าเป็นพระผู้ให้และมีเมตตา แต่ท่านปฏิบัติในหลักการที่ว่า เมตตาต้องให้พอดี อย่าให้เกินประมาณ....
โดย...สมาน สุดโต
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2553 กรรมการมหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้งให้ พระเทพวิริยาภรณ์ (นรินทร์ นรินโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เจ้าคณะเขตบางรัก ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร แทนตำแหน่งที่ว่าง ยังความปลื้มปีติให้แก่คณะสงฆ์และคณะศิษย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง กล่าวคือเป็นผู้มีน้ำใจกว้างขวาง มีเมตตา ช่วยเหลืองานคณะสงฆ์ ส่งเสริมการศึกษาเล่าเรียนพระภิกษุสามเณร นักเรียน และนักศึกษา รวมทั้งสงเคราะห์ประชาชน มาเป็นเวลานาน
หลวงพ่อในวัย 67 ปี กระฉับกระเฉง คิดเร็ว พูดเร็ว เสียงดัง ลูกหม้อวัดหัวลำโพง เพราะอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ขณะเป็นสามเณร เป็นศิษย์ที่หลวงพ่อขาว หรือพระราชวิสุทธิโมลี อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ปลุกปั้นให้มีความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งวิชาบัญชี จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นพระสังฆาธิการที่มีความชำนาญวิชานี้ชนิดที่หาตัวจับยากในปัจจุบัน
เมื่อจะมีการเปิดตัวในฐานะรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานครรูปใหม่ ต่อที่ประชุมพระสังฆาธิการทุกระดับและทุกวัดที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ที่วัดยาง สวนหลวง เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2553 พระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จึงมอบหมายให้บรรยายเรื่องการทำบัญชีวัดให้ที่ประชุมฟัง
การบรรยายในวันนั้น ท่านมิได้บรรยายเฉพาะวิชาบัญชี หากแต่เริ่มต้นด้วยการบรรยายอำนาจหน้าที่เจ้าอาวาส ที่มีในกฎมหาเถรสมาคม ที่ทุกท่านต้องรู้และเข้าใจ ตัวท่านเองท่องจนขึ้นใจในมาตรา 37 และมาตรา 38 เมื่อรู้ว่าได้เป็นรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พร้อมกับบอกว่าตามประสบการณ์ของท่าน สมภารมี 3 ประเภทคือ สมภารแมว สมภารจิ้งหรีด และสมภารแม่ไก่ สองประเภทแรกนั้นไม่ควรทำ คือสมภารแมว เป็นคนขี้เหนียว ไม่เผื่อแผ่ ลูกวัดอดอยาก สมภารจิ้งหรีดมักถูกปั่นหัวจากคนโน้น คนนี้เสมอ สมภารแม่ไก่ดีที่สุด นอกจากเผื่อแผ่ลูกๆ ให้ได้กิน เมื่อมีภัยยังกางปีกปกป้องอีกต่างหาก
ก่อนที่จะมีวันนี้ ชีวิตของท่านก็เหมือนพระเถระในเมืองหลวงส่วนมากคือมาจากต่างจังหวัด ผ่านความยากลำบากมามาก ตั้งแต่เป็นเด็ก ตัวท่านก็เช่นกัน มาจากต่างจังหวัด หากแต่ประวัติยาว เล่า 3 วัน 3 คืน ไม่จบ หากเอาอย่างรวบรัด ก็ว่าท่านเป็นเด็กวัดมาหลายปี อยู่วัดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
สถานะเดิมชื่อนรินทร์ นามสกุลปิยทัศน์ บิดาชื่อชด มารดาชื่อชื่น เกิดที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ปี พ.ศ. 2486
เมื่อเรียนจบประถมปีที่ 4 พระอาจารย์บุญ เป็นชาวอุทัยธานี พามาบรรพชาที่วัดโฆสิทธาราม ต.น้ำตาล อ.เมืองอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ปี พ.ศ. 2499 ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 โยมพามาฝากวัดหัวลำโพง อุปสมบทที่วัดนี้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ปี พ.ศ. 2506 โดยมีพระราชวิสุทธิโมลี (หลวงพ่อขาว) เป็นพระอุปัชฌาย์
การศึกษาทางธรรม จบนักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 3 ประโยค ทางโลกจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนราษฎร์อำนวยศิลป์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2508
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยถวายปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาสังคมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2539 และดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ปี พ.ศ. 2548
ความที่ชีวิตมีแต่ให้ และช่วยเหลือส่วนรวมเสมอ ปี พ.ศ. 2526 จึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส และปี พ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รูปที่ 10 ปี พ.ศ. 2541 เป็นเจ้าคณะเขตบางรัก เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2553 มหาเถรสมาคม ตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ที่ว่างมานานถึง 5 ปี
ส่วนสมณศักดิ์นั้น ท่านได้เลื่อนเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับพระเถระด้วยกัน จากพระครูสัญญาบัตรผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่พระครูนิวิฐกิจจาภรณ์ ปี พ.ศ. 2532 เลื่อนเป็นพระครูชั้นโทในราชทินนามเดิมในปี พ.ศ. 2535 จากนั้นได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์แบบข้ามหลายชั้นขึ้นเป็นพระราชาคณะ ที่พระพิพัฒน์ปริยัติสุนทร เมื่อปี พ.ศ. 2539
ถ้าไต่ตามลำดับจากพระครูชั้นโทเป็นชั้นเอก และชั้นพิเศษคงใช้เวลานาน เพราะ 5 ปี ได้เลื่อนครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าอายุ 75 ปีจะได้เป็นเจ้าคุณหรือไม่
นับแต่ปี พ.ศ. 2539 ก็เจริญรุ่งเรืองในสมณศักดิ์ จากพระราชาคณะชั้นสามัญ ขึ้นเป็นราชที่พระราชปริยัติสุนทร ในปี พ.ศ. 2545 และเลื่อนเป็นชั้นเทพที่พระเทพวิริยาภรณ์ ในปี พ.ศ. 2550
การได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์แบบข้ามขั้น อีกทั้งวัดหัวลำโพงได้รับการเปลี่ยนสถานะจากวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง เป็นเพราะผลงานการส่งเสริมการศึกษาที่โดดเด่นมาก ช่วง 5 ปี ที่ดูแลสำนักเรียนพระภิกษุสามเณรที่สำนักเรียนวัดหัวลำโพงสอบประโยค ป.ธ. 9 ได้ถึง 11 รูป เฉลี่ยได้ปีละ 2 รูป ถึงปัจจุบันมีผู้สอบ ป.ธ. 9 ในสำนักเรียนวัดหัวลำโพงได้ 15 รูป
ที่ทำได้เช่นนี้เพราะท่านส่งเสริมการเรียนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรอย่างจริงจัง ใครสอบได้มีรางวัลใหญ่ให้ และมากขึ้นตามลำดับชั้น เช่นประโยคให้ 3,000 บาท แต่เมื่อสอบได้ประโยค 8 และประโยค 9 จะได้รางวัลมากขึ้น โดยเฉพาะประโยค 9 นั้นจะให้รางวัลเป็นเงินนับแสนบาททีเดียว
สำหรับนโยบายการรับนักเรียน จะรับเฉพาะสามเณรเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบันจะหาสามเณรมาบวชมาเรียนได้ยากก็ตาม แต่ถึงกระนั้นสำนักเรียนวัดหัวลำโพงก็มีถึง 40 รูป ไม่ได้วิ่งหา แต่มาเอง
ผู้ที่ตกลงมาอยู่ที่วัดนี้ต้องเรียน หากไม่เรียน หรือขาดเรียนมากๆ จะเรียกมาคุย ถึงกับแนะนำให้สึกหาลาเพศ ตามตำราตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม
การเอาใจใส่การเรียนของภิกษุสามเณรนั้น ท่านบอกว่าท่านจะขึ้นไปดูการเรียนการสอนชั้นประโยค ป.ธ. 7 และ 8 ทุกวัน เพื่อจะได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมของนักเรียนด้วย
ท่านเล่าสภาพของวัดว่าหลักฐานที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติค้นพบวัดหัวลำโพงเป็นวัดโบราณ เดิมชื่อวัดวัวลำพอง สร้างปีเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ คือปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่เสด็จทอดพระกฐินครั้งหนึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดหัวลำโพง
พระอุโบสถและพระวิหารที่เห็นเป็นสง่านั้น เป็นของสร้างใหม่ วางศิลาฤกษ์ ปี พ.ศ. 2536 สร้างเสร็จปี พ.ศ. 2541 มีงานปิดทองฝังลูกนิมิตนานถึง 18 วัน พระอุโบสถเป็นทรงไทยจตุรมุข หน้าบันสร้างครุฑประดับไว้สูง 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของสะสมและของโบราณที่ท่านสะสมไว้ ชั้นที่ 2 เป็นศาลาอเนกประสงค์ สำหรับบำเพ็ญกุศล จุหลายร้อยคน งานกุศลใหญ่ๆ ของวัดเช่นวันทำบุญอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งมีพระสงฆ์และญาติโยมจัดที่|ชั้น 2 นี้ เพราะมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก
ชั้นที่ 3 เป็นส่วนของพระอุโบสถ มีภาพเขียนเรื่องพระอภัยมณีสุดสวยอลังการ อย่าบอกใคร
ส่วนวิหารที่สร้างคู่ หน้าบันติดตราพระนามาภิไธยย่อ สก เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา
เมื่อถามถึงเรื่องที่ต้องการทำในฐานะรองเจ้าคณะ กทม. ท่านถามย้ำเป็นภาษาอังกฤษว่า Idea นะหรือ ทั้งนี้เพราะท่านมีความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น จากนั้นท่านก็เมตตาเล่าให้ฟังว่า งานต้องได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา หรือเจ้าคณะกรุงเทพมหานครก่อน แต่งานหลักคือดูแลวัดราษฎร์ทั้งหมด สำหรับงานของคณะสงฆ์ ส่วนใหญ่รวมอยู่ในเรื่องการปกครอง การศึกษาการเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ ศึกษาสงเคราะห์ ท่านอยากเห็นทุกวัดดูแลสอดส่อง ส่งเสริมพระภิกษุสามเณรให้มีการศึกษา วัดไหนมีการศึกษาไปได้ให้พัฒนาไป หากไปไม่ได้ก็ให้จัดอบรมวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อดึงดูดญาติโยมเข้าวัด
ปัญหาที่สำนักเรียนพบเหมือนกันหมด คือหาเณรมาบวชมาเรียนยาก ทองยังหาง่ายกว่า การที่ท่านเน้นส่งเสริมการเรียนการศึกษา เพราะตระหนักว่าประเทศชาติจะทันเขา ประชาชนต้องมีการศึกษา หากไม่มีการศึกษาไม่ทันเขา จะสู้ศัตรู หรือศาสนาอื่นไม่ได้
ส่วนการที่ท่านมาเป็นรองเจ้าคณะ กทม.นั้น ไม่เคยคาดหวังมาก่อน ผู้หวังดีว่าจะได้เป็นรองเจ้าคณะ กทม. ก็บอกเขาว่าอย่าไปคิด มันไกลเกินไป มันเป็นบาป แต่เมื่อกลายเป็นความจริงจึงรู้ตัวมาล่วงหน้า เมื่อพระผู้ใหญ่ขอประวัติ ทันทีที่ มส. มีมติเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ท่านกำลังบรรยายให้พระนวกะ วัดแก้วฟ้าจุฬามณี ฟัง มีผู้โทร.ไปแจ้งให้ทราบว่า มส.ให้เป็นรองเจ้าคณะ กทม. แล้ว ท่านจึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบในเวลานั้นเสียเลย
เมื่อถามว่ามีงานอะไรเด่นเขาจึงเลือกให้เป็นรองเจ้าคณะ กทม. ท่านบอกว่าท่านเป็นพระที่ช่วยงานไม่เกี่ยง ทำมานานตั้งแต่พระสุเมธาธิบดี (อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ) เป็นเจ้าคณะ กทม. มาถึงยุคพระธรรมสุธีก็ยังช่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยช่วยทุกอย่างตั้งแต่จัดบริการอาหารการกิน งานประชาสัมพันธ์ โฆษณางานการกุศล เช่นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพราะท่านถนัดด้านประชาสัมพันธ์ มีสายสัมพันธ์ดีกับสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวีและวิทยุ
ท่านมีหลักการทำงานโดยถือคติโบราณว่า ฆ่าควายไม่เสียดายเกลือ เมื่อถึงคราวเสียต้องเสีย กล้าได้กล้าเสีย แม้ว่าท่านจะได้การยอมรับว่าเป็นพระผู้ให้และมีเมตตา แต่ท่านปฏิบัติในหลักการที่ว่า เมตตาต้องให้พอดี อย่าให้เกินประมาณ


